นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดปรับตัวลงต่อ เป็นไปตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบถ้วนหน้า รับแรงกดดันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) พุ่งทะลุ 4.6% หลังผลประมูลพบดีมานด์ยังอ่อนแอ
ประกอบกับ ค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขึ้นกดดันเงินบาทอ่อนค่าลงใกล้ 36.90 บาท/ดอลลาร์อีกครั้ง กดดันเงินทุนต่างชาติไหลออกต่อเนื่อง ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือนเม.ย.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ด้วย
และในเชิงเทคนิควานนี้ SET ปิดต่ำกว่าแนวรับสำคัญ 1,350 จุดทำให้มีโอกาสรีบาวน์ไม่มาก หากวันนี้ไม่สามารถรีบาวน์กลับไปยืนเหนือ 1,350 จุดได้มีโอกาสแกว่งลงต่อ ให้รอตั้งรับที่แนวรับ 1,330 จุด และให้แนวต้านไว้ที่ 1,360-1,365 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (29 พ.ค.67) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,441.54 จุด ลดลง 411.32 จุด หรือ -1.06%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,266.95 จุด ลดลง 39.09 จุด หรือ -0.74% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,920.58 จุด ลดลง 99.30 จุด หรือ -0.58%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดตลาดที่ระดับ 3,103.71 จุด ลดลง 7.31 จุด หรือ -0.23% ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งเปิดตลาดที่ระดับ 18,423.78 จุด ลดลง 53.23 จุด หรือ -0.29% ส่วนดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 38,112.77 จุด ลดลง 444.10 จุด หรือ -1.15% และหลังจากเปิดตลาด 15 นาที ดัชนีนิกเกอิร่วงลง 789.60 จุด หรือ -2.05% สู่ระดับ 37,767.27
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (29 พ.ค.67) 1,349.83 จุด ลดลง 12.87 จุด (-0.94%) มูลค่าซื้อขาย 44,190.72 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,563.05 ล้านบาท (29 พ.ค.67)
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 60 เซนต์ หรือ 0.75% ปิดที่ 79.23 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (29 พ.ค.67) อยู่ที่ 2.42 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 36.87 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากแรงขายสินทรัพย์เสี่ยง คาดกรอบ 36.70-37.00 บาท/ดอลลาร์
- "คลัง" จ่อพิจารณาแก้กฎหมาย ลดเวลาติดแบล็กลิสต์ "หนี้เสีย" ลงจาก 8 ปี "เครดิตบูโร" ชี้แค่ออกประกาศมีผลทันที "เคเคพี" ห่วงยอดปิดโรงงานพุ่ง ขยายวงสู่ธุรกิจขนาดกลาง-ใหญ่ ปมดีมานด์โลกหาย ยอดส่งออกวูบ จีนแย่งชิงตลาด "ซูบารุ" หยุดผลิตรถ
- ศาล รธน.มีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้องปมอ้างนโยบาย เงินหมื่นดิจิทัล-ทักษิณชี้นำพรรค-นายกฯ ทำตัวเป็นสื่อ-ตั้งบุคคลขาดคุณสมบัตินั่ง รมต.เข้าข่ายใช้สิทธิเสรีภาพล้มล้างการปกครอง
- บอร์ด รฟท.เคาะขยายเวลาก่อสร้างงานโยธารถไฟ "ไทย-จีน" 2 สัญญาชดเชยเหตุส่งมอบพื้นที่ล่าช้า สัญญา 4-3 (นวนคร-บ้านโพ) อีก 163 วัน ไปสิ้นสุด ม.ค. 68 และสัญญา 4-4 (ศูนย์ซ่อมบำรุงเชียงรากน้อย) อีก 355 วัน ไปถึง ส.ค. 69 โดย ผู้รับจ้างฯ ไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าใช้จ่ายเพิ่ม
*หุ้นเด่นวันนี้
- KTB (พาย) แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 20 บาท งบดุลแข็งแกร่ง และตั้งสำรองหนี้เพียงพอรองรับความไม่แนอนในอนาคต ทำให้สามารถปรับลดสำรองหนี้ฯลงเป็นระดับปกติหลังจากได้ตั้งสำรองพิเศษครอบคลุม 100% ของยอดหนี้ที่ปล่อยสินเชื่อให้ ITD ใน Q4/66 นอกจากนี้ ด้วยเศรษฐกิจฟื้นตัวคาดรายได้ค่าธรรมเนียมจะขยายตัวต่อเนื่อง 3.3%/3.7% ในปี 67-68 เล็งกำไรสุทธิปี 67 จะเติบโต 8.6% YOY และโตต่อเนื่อง 6.1% ในปี 68
- TASCO (เมย์แบงก์ฯ) แนะนำ "ซื้อ" เป้าเชิงกลยุทธ์ 20 บาท งบลงทุนปี 67 ของกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทล่าช้า เพิ่งได้รับอนุมัติปลาย เม.ย.ล่าสุดผ่านกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง และเร่งเบิกจ่ายอย่างชัดเจนสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน พ.ค.67 เท่ากับ 3.3 พันล้านบาทต่อสัปดาห์ เทียบกับ มี.ค.-เม.ย.67 เบิกจ่ายเพียง 1-1.7 พันล้านบาทต่อสัปดาห์ เวลาที่เหลืออีก 4.5 เดือนคาดจะเร่งเบิกจ่ายงบมากขึ้น หนุนปริมาณขายปี 67 คาดโต 7% จากตลาดในประเทศโต 16% ราคาหุ้นมี Valuation ปี 67 ถูก P/E 10.3 เท่า (-0.5 SD) , P/BV 1.6 เท่า (-0.75 SD) และเงินปันผลตอบแทนสูง 7.8%
- COCOCO (ลิเบอเรเตอร์) แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 16.30 บาท เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในงาน THAIFEX เช่น น้ำมะพร้าว 100% ในขวด PET,เครื่องดื่มเกลือแร่น้ำมะพร้าว,น้ำมะพร้าวอัดแก๊ส,โยเกิร์ตมะพร้าว,นมมะพร้าวผสมน้ำผลไม้,เครื่องดื่มกลิ่นผลไม้ผสมวุ้นมะพร้าว,กาแฟมะพร้าว,ชานมไข่มุกมะพร้าว,ไอศกรีมผลไม้ คาดช่วยหนุนยอดขายตั้งแต่ปี 68 ส่วนปีนี้คาด Q2/67 กำไร All time high และทั้งปีโตก้าวกระโดด +101%y-y จากกำลังผลิต-คำสั่งซื้อจีนมากขึ้น ยังเป็น Growth stock ที่น่าทยอยสะสม