นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานกรรมการบริหาร บมจ. ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ (TUF) กล่าวว่า ในไตรมาสนี้ยอดขายผลิตภัณฑ์เติบโตขึ้นทุกผลิตภัณฑ์ในรูปของเงินดอลลาร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์ปลาทูน่า กุ้ง อาหารทะเลบรรจุกระป๋อง และอาหารแมวบรรจุกระป๋องที่มีการเติบโตอย่างโดดเด่น ทำให้ยอดขายโตขึ้น 32% ในรูปเงินเหรียญสหรัฐ ประกอบกับผลการดำเนินงานของบริษัทย่อยในสหรัฐอเมริกามีอัตราการเติบโตที่ดี
นอกจากนี้ปริมาณการขายโดยรวมของไตรมาสนี้ก็เพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับปีก่อน อย่างไรก็ดีบริษัทมั่นใจว่า ยอดขายยังสามารถเติบโตได้ แม้ว่าสถานการณ์จะลำบาก เพราะบริษัทยังมีโอกาสที่จะขยายตลาดเพิ่ม เพื่อให้มีส่วนแบ่งทางการตลาดที่สูงขึ้น
“เมื่อพิจารณาผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 1 จะเห็นว่าบริษัทยังมีศักยภาพและมีความเข้มแข็งในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทำให้เรามั่นใจว่าปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% ในรูปของเงินเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นการปรับประมาณการตัวเลขใหม่จากเดิมที่ตั้งไว้ 12%" นายธีรพงศ์ กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ประจำปี 2551 บริษัทสามารถสร้างอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นทั้งกำไรสุทธิ และรายได้จากการขายในรูปของเงินเหรียญสหรัฐและเงินบาท นับเป็นผลงานที่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง บริษัทสามารถทำกำไรสุทธิเท่ากับ 578 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 527.7 ล้านบาท โดยมีกำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้นจาก 0.60 บาทในปีก่อน มาอยู่ที่ 0.66 บาทในปี 2551 และมีรายได้จากการขายในรูปเงินเหรียญสหรัฐเท่ากับ 478.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้น 32% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2550 ที่เท่ากับ 361.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่รายได้จากการขายในรูปเงินบาทก็สูงขึ้นเช่นเดียวกัน โดยมียอดขายเท่ากับ 15,415.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2550 ที่เท่ากับ 12,801.5 ล้านบาท สำหรับรายได้รวมในไตรมาสแรกนี้ ก็เพิ่มขึ้นจาก 13,027.6 ล้านบาทในปี 2550 มาอยู่ที่ 15,987.6 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 23% ในปี 2551
สำหรับสัดส่วนยอดขายผลิตภัณฑ์ในไตรมาสแรกนี้ ผลิตภัณฑ์ปลาทูน่ามีสัดส่วนยอดขายมากที่สุดจากผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของบริษัทคือ 50% รองลงมาได้แก่ กุ้งแช่แข็ง 19% ตามด้วยอาหารแมวบรรจุกระป๋อง และอาหารทะเลบรรจุกระป๋อง 8% อาหารกุ้ง 5% ปลาซาร์ดีนบรรจุกระป๋อง 4% ขายในประเทศ 4% และ ปลาหมึกแช่แข็ง 2% โดยมีตลาดส่งออกอยู่ที่ สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น เอเชีย อัฟริกา ออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง แคนาดา และลาตินอเมริกา แต่ตลาดที่มีการขยายตัวสูงสำหรับไตรมาสนี้ได้แก่ สหภาพยุโรป ตะวันออกกลาง อัฟริกา และลาตินอเมริกา
นอกจากนี้ นายธีรพงศ์ ยังได้กล่าวถึงความคืบหน้า กรณีที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐอเมริกาประกาศอัตราเบื้องต้นของภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดกุ้งของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 5.95% เป็น 15.30% ว่า บริษัทได้มีการติดตามในเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน ร่วมกับที่ปรึกษาทางด้านกฏหมาย และสถานทูตไทยในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี เพื่อให้มีการทบทวนอัตราภาษีใหม่ รวมทั้งได้มีการติดต่อพูดคุยโดยตรงกับกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ถึงเรื่องดังกล่าวอย่างใกล้ชิด ซึ่งจากการดำเนินงานตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ความคืบหน้าเป็นไปในแนวทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดทางบริษัทได้รับจดหมายยืนยันจากกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐอเมริกาแจ้งว่า จะดำเนินการในเรื่องนี้เป็นพิเศษ และพร้อมที่จะพิจารณาอีกครั้งอย่างละเอียด นับว่าเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับบริษัท ทำให้บริษัทมั่นใจว่า ผลการทบทวนอัตราภาษีใหม่จะประกาศออกมาอีกครั้งในเดือนกันยายน 2551 จะดีขึ้นอย่างแน่นอน
--อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--