บล.กรุงศรี ระบุว่าราคาหุ้น บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) ตกลงมา 17.95% เมื่อวันศุกร์ที่แล้วมาอยู่ที่ 4.80 บาท จากหลายปัจจัยด้วยกัน ได้แก่ การถูกถอดออกจาก MSCI, ผลประกอบการที่แย่ลงในงวดไตรมาส 4 งวดปี 67 (ม.ค.-มี.ค.67) และ ความกลัวเรื่องการเพิ่มทุน มองว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นจริงกับปัจจัยพื้นฐานคือผลประกอบการงวดไตรมาส 4 งวดปี 67 ซึ่งถูกกดดันจากผลขาดทุนที่เพิ่มขึ้นจากรถไฟฟ้าสายสีชมพูและเหลือง
ดังนั้น เราจึงปรับลดประมาณการกำไรปี 2568- 2569 (สิ้นสุด มี.ค.) ลงเพื่อสะท้อนผลการดำเนินงานที่แย่ลงของรถไฟฟ้าสองสายนี้ ซึ่งตามประมาณการใหม่ของเรา คาดว่าผลประกอบการจะฟื้นตัวขึ้นจากปี 2568 เป็นต้นไป ทั้งนี้ เรามองว่าราคาหุ้นที่ต่ำกว่า 6.40 บาท (มูลค่าของ O&M, E&M) ถือว่าถูก จึงยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" หุ้น BTS แต่ปรับลดราคาเป้าหมายลงเหลือ 6.40 บาท จากเดิม 7.20 บาท เพื่อสะท้อนถึงการปรับลดประมาณการกำไร เพราะรถไฟฟ้าสายสีชมพูและเหลือง
"เรามองว่า BTS เป็นหุ้น recoverly play เพราะเราเชื่อว่าราคาหุ้นสะท้อนข่าวร้ายส่วนใหญ่ไปแล้ว เรามองว่าปัจจัยกระตุ้นตัวแรกจะมาจากการฟื้นตัวของกำไรในปี 2568 เพราะไม่ต้องรับรู้ผลจาดทุน KEX อีก"
บทวิเคราะห์ฯระบุว่า บริษัทเพิ่งให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวที่มีการบันทึกในไตรมาส 4/67 โดยเป็นค่าใช้จ่ายสุทธิ 14 ล้านบาทมาจากการขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ 270 ล้านบาท ซึ่งไปหักล้างกับสิทธิประโยชน์ทางภาษี 256 ล้านบาท จากมูลค่าที่ลดลงของ BTSGIF แต่หากตัดรายไรพวกนี้ออไป BTS จะมีกำไรจากธุรกิจหลัก 49 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการของเรา เพราะขาดทุนจากรถไฟฟ้าสายสีชมพู และเหลืองหนักเกินคาด และค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น
โดยในไตรมาสนี้ ผลขาดทุนจากรถไฟฟ้าสายสีชมพูและหลืองรวมกันฉุดผลประกอบการของ BTS ลงมาเกือบๆ 400 ล้านบาท ในขณะที่ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น 85% yoy และ 13% qoq เราชื่อว่า ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นมาจากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของรถไฟฟ้าสายสีชมพูตั้งแต่เดือน ม.ค.67
กำไรจากธุรกิจหลักของ BTS ในปี 2567 ลดลง 42% yoy มาอยู่ที่ 1 พันล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการของเรา เพราะรถไฟฟ้าสายสีชมพูขาดทุนหนักเกินคาด และค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยสูงขึ้น ทั้งนี้ เราปรับประมาณการกำไรปี 2568-2569 ลง 26.5% ซึ่งตารมประมาณการใหม่ของเรา ผลประกอบการจะฟื้นตัวขึ้นจากปี 2568 เป็นต้นไป เราคาดว่ากำไรในปี 2568 จะอยู่ที่ 1.3 พันล้านบาท (+25%yoy) และจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.73 พันล้านบาทในปี 2569 (+29% yoy)
ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนกำไรในปี 2568 มาจากการฟื้นตัวของผลประกอบการของบริษัทร่วม (ไม่มี KEX แล้ว และส่วนแบ่งกำไรจาก BTSGIF เพิ่มขึ้น) สำหรับในปี 2568 เราคาดว่าผลขาดทุนของรถไฟฟ้าสายสีชมพูและเหลืองจะลดลงจากจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยชับเคลื่อนผลประกอบการ