GRAMMY พุ่ง 29.31% ชนซีลลิ่ง มาอยู่ที่ 7.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.70 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 970.92 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.02น. โดยเปิดตลาดที่ 7.45 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 7.50 บาท และปรับตัวลงต่ำสุดที่ 7.00 บาท
นายภาวิต จิตรกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.จีเอ็มเอ็ม มิวสิค (GMM Music) ในเครือ บมจ.จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ (GRAMMY) กล่าวว่า ในยุค Music Second Wave อุตสาหกรรมเพลงกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นอีกครั้ง ซึ่งยอดรายได้ทะลุจุดสูงสุดเดิมไปแล้ว GMM Music ได้วางกลยุทธ์รองรับการเติบโตดังกล่าว ควบคู่กับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Music Infrastructure) ให้กับอุตสาหกรรมเพลงไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหนึ่งในกลยุทธ์ที่บริษีทให้ความสำคัญ คือ การขยายความร่วมมือกับผู้นำธุรกิจเพลงชั้นนำในต่างประเทศที่เล็งเห็นศักยภาพของอุตสาหกรรมเพลงไทย
บริษัทมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่บริษัทแม่อย่างเทนเซ็นต์และเทนเซ็นต์ มิวสิค เอ็นเตอร์เทนเมนต์ กรุ๊ป จะเข้าลงทุนเชิงกลยุทธ์ในหุ้นของ GMM Music ด้วยสัดส่วนหุ้น 10% คิดเป็นมูลค่า 2,570 ล้านบาท และจะสร้างมูลค่าบริษัทสูงถึง 25,700 ล้านบาท โดยมีจุดมุ่งหมายสำคัญคือการเสริมความแข็งแกร่งให้กับแผน Spin-Off ของบริษัท ที่ต้องการสร้าง New Music Economy ของไทยให้เติบโตต่อเนื่องอย่างยั่งยืน
บริษัทมีแผนความร่วมมือที่จะขยายโอกาสทางธุรกิจไปสู่ตลาดใหม่ใหญ่กว่าเดิม โดยประเทศจีนเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่มีทั้งศักยภาพและโอกาสที่ใหญ่มาก ซึ่งแน่นอนว่าการเข้าร่วมลงทุนในครั้งนี้ คือ "สะพานขนาดใหญ่" ของอุตสาหกรรมเพลง ที่จะทำการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ตลอดจนสร้างชื่อเสียงในระดับสากลและนำมาซึ่งความเจริญเติบโตทั้งในด้านผลประกอบการ และสร้างเสถียรภาพทางการเงินที่มั่นคงยิ่งขึ้น ไปจนถึงยกระดับอุตสาหกรรมเพลงไทยในภาพรวม
นายฟ้าใหม่ ดำรงชัยธรรม ประธานเจ้าหน้าที่การตลาด GMM Music กล่าวว่า แผนการร่วมลงทุนเชิงกลยุทธ์ในครั้งนี้ Tencent และ TME จะเข้ามาช่วยเร่งอัตราการเติบโตของ GMM Music อย่างมีนัยสำคัญ เพื่อให้พร้อมเปิดรับโอกาสทางธุรกิจในยุคใหม่ รวมถึงช่วยเพิ่มขีดความสามารถของบริษัทสู่การเป็น The Next Asia?s Dragon ในตลาดโลก
บริษัทต้องการสร้างโอกาสทางธุรกิจ (Upscale Opportunity) ด้านการขยายธุรกิจเพลงและธุรกิจดิจิทัล ที่เป็นแรงผลักดันสำคัญในการเติบโตของอุตสาหกรรมเพลงยุคใหม่ ตลอดจนการต่อยอดธุรกิจเพลงสู่ตลาดโลก ด้วยการนำพาศิลปินของ GMM Music เข้าสู่ตลาดเอเชีย และ ตลาดนานาชาติ โดยอาศัยธุรกิจบันเทิงของทั้ง Tencent และ TME ที่มีความร่วมมือกับบริษัทต่างๆ ทั่วโลก อีกทั้งจะร่วมกันยกระดับคุณภาพเพลงไทยในด้านการผลิต (Uplift Quality) ด้วยการร่วมศึกษาโอกาสการลงทุน ในการสร้างผลงานเพลงและพัฒนาศิลปิน รวมไปถึงการจัดงานคอนเสิร์ตและมิวสิคเฟสติวัลร่วมกัน เพื่อผลักดันศักยภาพธุรกิจเพลงไทยให้สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล
ทั้งนี้ บริษัทยังตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าบริษัท ด้วยการ Unlock Value ผ่านการแลกเปลี่ยนทรัพยากรและองค์ความรู้เชิงลึก ทั้งในด้านการตลาดและการขาย รวมไปถึงเทคโนโลยีการบริหารจัดการลูกค้า และการพัฒนานวัตกรรมสมัยใหม่ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนสู่อนาคต และสร้างผลตอบแทนให้กับบริษัทอย่างต่อเนื่อง โดยพร้อมร่วมกันผลักดันแผนการ IPO ของบริษัทให้ประสบผลสำเร็จ ซึ่งการลงทุนเชิงกลยุทธ์ในครั้งนี้ นับเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่สำหรับ GMM Music ที่จะสร้างความแข็งแกร่งและความยั่งยืนสู่อนาคตอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ ยังมีข้อตกลงในการร่วมลงทุนใน JOOX Thailand โดย GMM Grammy เพื่อต่อยอดธุรกิจเทคโนโลยีและสนับสนุนตลาดเพลงไทยให้เติบโตสอดคล้องกับตลาดเพลงโลกผ่าน Streaming Platform ซึ่งเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนอันสำคัญ โดยบริษัทร่วมทุนนี้จะผสานจุดแข็งทางด้านเทคโนโลยีจากความเชี่ยวชาญของ Tencent และ TME ที่จะมาพัฒนา Platform ให้ตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้ฟังยุคใหม่มากยิ่งขึ้น ร่วมกับการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการบริหาร Content แบบครบวงจร จากความเชี่ยวชาญของ GMM Music ตลอดจนการทำงานกับค่ายเพลงพันธมิตรทุกค่ายอย่างไร้ข้อจำกัด
ความร่วมมือดังกล่าวยังจะสร้างโอกาสการหารายได้ใหม่ จากวงจรแฟนเพลง (Fandom Economy) ด้วยการสร้างกิจกรรมและช่องทางการมีส่วนร่วมกับ ศิลปิน แฟนด้อม ทั้งไทย จีน และต่างชาติเพิ่มเติมอีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นปัจจัยส่งเสริมความแข็งแกร่งให้กับ GMM Music ในการเดินหน้าสู่แผนการเสนอขาย IPO ในอนาคตอันใกล้