นายนรุตม์ เจียรสนอง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป (MAJOR) กล่าวว่า เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ตั้งเป้าหมายที่จะเป็น "โรงหนังรักษ์โลก หรือ Green Cinema" อย่างเต็มรูปแบบ โดยปัจจุบันได้เปลี่ยนขั้นตอนการส่งสื่อภาพยนตร์จากระบบขนส่งโดยยานพาหนะ เป็นการส่งผ่านระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง 5G ของเอไอเอส ส่งตรงไปยังโรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ทุกสาขา เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และเป้าหมายภายใน 5 ปี นับตั้งแต่ปี 68-72 จะเปลี่ยนระบบเครื่องฉายหนังทุกโรง ทุกสาขา ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เป็นระบบ Laser Projector ครบ 100% ด้วยงบลงทุนกว่า 1 พันล้านบาท
เครื่องฉายระบบ Laser Projector เป็นระบบเครื่องฉายหนังที่มีเทคโนโลยีที่ดีที่สุดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะช่วยลดขยะจากระบบการฉายแบบเดิมที่ต้องใช้หลอดไฟซีนอน อีกทั้งช่วยลดการใช้พลังงานจากไฟฟ้า และช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้อย่างชัดเจน
นอกจากนี้ ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการจะสัมผัสความพิเศษของเครื่องฉายระบบ Laser Projector ได้โดยตรงจากการดูหนังในโรง Laser จะให้อรรถรสอารมณ์ความรู้สึกถึงความสมจริงจากภาพที่คมชัดยิ่งกว่าและแสงที่สว่างมากกว่าระบบการฉายอื่น ๆ เนื่องจากแหล่งกำเนิดแสงเป็นแสง Laser มีความแม่นยำของสีที่เหนือกว่า ทำให้ได้ภาพที่สดใสและสมจริงมากกว่าเมื่อเทียบกับ Xenon Projector แบบเดิม และยังรักษาความสว่างและประสิทธิภาพที่สม่ำเสมอตลอดอายุการใช้งาน
การที่บริษัทเป็น "โรงหนังรักษ์โลก" ที่พยายามช่วยลดภาระและรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งในวันสิ่งแวดล้อมโลก 5 มิ.ย.นี้ บริษัทได้เปลี่ยนระบบเครื่องฉายหนังเป็นระบบ Laser Projector ครบ 300 โรง ทั้งกรุงเทพและต่างจังหวัด โดยมีโรงภาพยนตร์ 32 สาขาที่เป็นโรงภาพยนตร์ที่ใช้เครื่องฉายระบบ Laser Projector ครบทุกโรง ได้แก่ พารากอน ซีนีเพล็กซ์, ไอคอน ซีเนคอนิค, เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ สุขุมวิทและรัชโยธิน, อีสต์วิลล์ ซีนีเพล็กซ์, เมกา บางนา และบางกะปิ ซีนีเพล็กซ์ เป็นต้น โดยบริษัทได้เริ่มเปลี่ยนระบบการฉายหนังจากระบบ Digital มาเป็นระบบ Laser Projector ตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบัน