นายเพชร นันทวิสัย ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บมจ.ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป (TFG) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการในปี 67 จะพลิกกลับมาเป็นกำไรอย่างแน่นอน หลังจากไตรมาส 1/67 มีกำไรแล้ว 173.71 ล้านบาท สะท้อนผลการดำเนินงานบริษัทน่าจะพ้นจุดต่ำสุดมาแล้ว ขณะที่ไตรมาส 2/67 คาดว่าจะเติบโตทั้ง YoY และ QoQ จากการขยายกำลังการผลิตทั้งไก่และสุกร ช่องทางการจัดจำหน่ายที่เพิ่มมากขึ้น การเพิ่มผลิตภัณฑ์ในช่องทางค้าปลีก รวมถึงราคาสุกรและไก่ที่ยังเพิ่มขึ้นตามกลไกตลาด
"ภาพรวมธุรกิจในไตรมาส 2/7 ส่งสัญญาณฟื้นตัวต่อเนื่องจากไตรมาส 1/67 ถือเป็นการตอกย้ำ ธุรกิจผ่านจุดต่ำสุด และกำลังเข้าสู่โหมดเติบโตรอบใหม่ จากราคาหมูไทยฟื้นตัว สูงกว่าต้นทุนการเลี้ยงแล้ว ขณะที่ราคาหมูในประเทศเวียดนามยังเร่งขึ้นต่อ อีกทั้งยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มั่นใจว่าแนวโน้มรายได้ในปีนี้จะเติบโตเกิน 10% สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง ตามเป้าหมายที่วางไว้"
ขณะที่แผนการขยายสาขาร้านค้าปลีก "ไทยฟู้ดส์ เฟรช มาร์เก็ต" ปัจจุบันมีทั้งหมด 350 สาขา โดยผลิตภัณฑ์หลักจำหน่ายเนื้อสุกรและเนื้อไก่สัดส่วนรายได้กว่า 77% ซึ่งในปี 67 บริษัทวางแผนจะขยายสาขาเพิ่มในพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออก อีก 100 สาขา โดยในไตรมาส 2/67 เปิด 20 สาขา ทำให้มีจำนวนสาขา 450 สาขาในปี 67 และคาดว่าในปี 68 จะมีจำนวนสาขาทั้งหมดราว 600-700 สาขา โดยร้านค้าปลีกสร้างรายได้สาขาละ 1.47 แสนบาทต่อวันและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนั้น บริษัทพยายามออกผลิตภัณฑ์ให้หลากหลายมากขึ้นเพื่อให้ผู้บริโภคมีทางเลือกในการซื้อสินค้ามากขึ้น รวมทั้งสร้างมาร์จิ้นมากขึ้น โดยคาดว่าจะเพิ่มสัดส่วนรายได้กลุ่มดังกล่าวขึ้นมาเป็น 20-30% จากปัจจุบันอยู่ที่ 23%
สำหรับแนวโน้มธุรกิจไก่ในไตรมาส 2/67 มองว่าปริมาณขายจะเติบโตจากไตรมาส 1/67 ราว 5-10% ขณะที่ราคายังอยู่ในระดับที่ดีจากที่บริษัทได้ปิดออเดอร์ไปแล้ว ขณะที่บริษัทได้ขยายโรงเชือดอีก 1 โรง กำลังผลิตราว 1-1.2 แสนตัวต่อวัน ซึ่งจะหนุนซัพพลายให้กับร้านค้าปลีกของบริษัท และในปี 68 บริษัทจะขยายกำลังการผลิตเพิ่มอีก 10% ส่งผลให้มีกำลังการผลิตแตะระดับ 4.5-5 แสนตันต่อปี นอกจากนี้บริษัทมีแผนที่จะขยายธุรกิจไก่ในเวียดนามด้วย
นอกจากนี้ ปริมาณส่งออกไก่ในช่วงครึ่งหลังของปี 67 คาดว่าจะเติบโตจากช่วงครึ่งปีแรกราว 5-10% เช่นกัน โดยการส่งออกสินค้าไก่ปรุงสุกในไตรมาส 2/67 คาดว่าจะเติบโต 20% QoQ และช่วงครึ่งหลังมีแนวโน้มความต้องการเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คาดว่ากำลังการผลิตสินค้าปรุงสุกคาดว่าจะเติบโต 30-40% เทียบกับครึ่งปีแรก
ทั้งนี้บริษัทได้มีการปรับพอร์ตของธุรกิจไก่ เนื่องจากกลุ่มอุตสาหกรรมในประเทศมีความต้องการปริมาณเพิ่มมากขึ้น ด้านราคาเทียบเท่ากับการส่งออกหรือดีกว่าส่งออกในบางช่วง ซึ่งบริษัทพยายามปรับพอร์ตให้เหมาะสมโดยมุ่งเน้นการขายให้กับอุตสาหกรรมในประเทศเพื่อสร้างผลกำไรให้กับบริษัท โดยสัดส่วนรายได้กลุ่มธุรกิจไก่ในปัจจุบันมาจากส่งออก 43% อุตสาหกรรม 19%
ด้านธุรกิจสุกร บริษัทมุ่งเน้นช่องทางการขายให้กับร้านค้าปลีกมากขึ้นด้วย โดยปัจจุบันขายชิ้นส่วนสุกรกว่า 70% ตามแนวโน้มการขยายสาขาร้านค้าปลีกของบริษัท ขณะที่แนวโน้มราคาเริ่มปรับขึ้นมาจากปัญหาหมูเถื่อนคลี่คลาย คาดว่าราคาขายสุกรของปีนี้จะอยู่ในช่วง 60-65 บาทหรือสูงสุด 70 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งเป็นราคาที่น่าจะพอทำกำไรได้
ขณะที่ธุรกิจสุกรในเวียดนามช่วง 2 ปีที่ผ่านมาบริษัทมีการขยายฟาร์มอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปริมาณการขายน่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าจากปีก่อน ขณะที่แนวโน้มราคาสุกรในเวียดนามสิ้นปี 67 คาดว่าจะอยู่ที่ 60,000 ดอง หรือ ประมาณ 80 บาทต่อกิโลกรัม และคาดว่าภาพรวมการขายสุกรในเวียดนามจะดีต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 1/68 จากผลกระทบโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African swine fever : ASF) ทำให้ราคาปรับเพิ่มสูงขึ้น