ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ก้าวสู่ปีที่ 50 มุ่งพัฒนาตลาดทุนอย่างยั่งยืน สู่เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-zero Commitment) เดินหน้าพัฒนาระบบ SET Carbon เปิดเผยข้อมูลการจัดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของตลาดทุน ตามแผนกลยุทธ์ปี 2567 โดยนำเทคโนโลยีมาพัฒนาการจัดการข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากการดำเนินธุรกิจของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) และเชื่อมต่อข้อมูลกับหน่วยงานด้านพลังงานและทรัพยากร หวังยกระดับข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและบรรษัทภิบาล (Environmental, Social, Governance: ESG) เพื่อประโยชน์ของการใช้ข้อมูลพร้อมลดกระบวนการทำงานของ บจ. ล่าสุด ร่วมกับ กฟผ. แลกเปลี่ยนข้อมูลการใช้พลังงาน บจ. โดยระบบ SET Carbon เฟสแรกจะเปิดให้บริการสำหรับ บจ. ที่สนใจ ภายในไตรมาสแรกปี 2568
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลท. เปิดเผยว่า ตลท.สนับสนุนการขับเคลื่อนสู่ความยั่งยืนทั้งภายในและภายนอกองค์กร ซึ่งปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อาทิ ภัยธรรมชาติ การเปลี่ยนแปลงระดับน้ำทะเล และอุณหภูมิโลกที่สูงขึ้น ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อธุรกิจ โดยสาเหตุสำคัญมาจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกิจกรรมของมนุษย์ ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำลังจะก้าวเข้าสู่ปีที่ 50 ได้กำหนดเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-zero Commitment) ขององค์กรภายในปี พ.ศ. 2593 (ค.ศ. 2050) โดยปัจจุบัน อยู่ระหว่างพัฒนาระบบการจัดการข้อมูลก๊าซเรือนกระจก หรือระบบ SET Carbon เพื่อเป็นเครื่องมือจัดการ จัดเก็บ และคำนวณข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกิจกรรมทางธุรกิจ โดยนำเทคโนโลยีและมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับ มาจัดการข้อมูลอย่างเป็นระบบ
"ระบบ SET Carbon จะยกระดับคุณภาพข้อมูล ESG บจ. เพื่อให้ผู้ลงทุนและผู้เกี่ยวข้องใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุนและติดตามการเปิดเผยข้อมูลของธุรกิจและธุรกิจใช้วางแผนจัดการก๊าซเรือนกระจกอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนลดต้นทุนและกระบวนการของ บจ.โดยข้อมูลจากระบบ SET ESG Data Platform พบว่า ในปี 2567 มี บจ.เปิดเผยข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและได้รับการทวนสอบแล้ว 266 บริษัท หรือ 32% ของ บจ.ทั้งหมด ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ บจ. เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวมาจากมาตรการสนับสนุนการลงทุนในกองทุน Thai ESG และการเตรียมพร้อมของ บจ. สำหรับการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบต่างๆ ทั้งนี้ การพัฒนาระบบ SET Carbon ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลากหลายภาคส่วน
โดยในปีนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งเป็นศูนย์กลางข้อมูลพลังงานระดับประเทศ โดยจะมีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ให้ความรู้แก่ บจ. ด้านการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และเชื่อมต่อข้อมูลผ่านระบบ SET Carbon เพื่อนำไปใช้ในการกำหนดนโยบายและแนวทางบริหารจัดการด้านพลังงานที่ตอบโจทย์ทุกภาคส่วน รวมทั้งเปิดรับพันธมิตรอื่น ๆ ในการพัฒนายกระดับคุณภาพและการใช้ข้อมูล ESG เพื่อการเปลี่ยนผ่านประเทศสู่สังคมคาร์บอนต่ำต่อไป" นายภากรกล่าว
นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า กฟผ. พร้อมร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศผ่านความร่วมมือในการบูรณาการข้อมูลด้านพลังงานและกลไกทางเศรษฐศาสตร์ด้านสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนกับตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการตัดสินใจของผู้ลงทุน ซึ่งส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ
ที่ผ่านมา กฟผ. ในฐานะผู้ได้รับสิทธิ์จากมาตรฐาน The International Tracking Standard (I-TRACK) หรือชื่อเดิม The International REC Standard (I-REC) ให้เป็นผู้รับรอง (Local Issuer) โดยผู้ผลิตพลังงานหมุนเวียนของไทยได้มีการขอออกใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificate: REC) แล้วกว่า 20 ล้านใบรับรอง ตามการขยายตัวเพิ่มขึ้นของตลาดการซื้อขาย REC ในทุกปี และความต้องการของบริษัทชั้นนำต่าง ๆ ในการเข้าถึงพลังงานสะอาดเพื่อเดินหน้าประเทศไทยสู่สังคมสีเขียวต่อไป
ระบบ SET Carbon จัดการข้อมูลโดยแยกเป็นกลุ่มรายการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG Emissions Inventory) ครอบคลุมการใช้พลังงานและทรัพยากรในกิจกรรมตลอดห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจ โดยจำแนกข้อมูลตามกลุ่มอุตสาหกรรม และสามารถจัดทำรายงานในรูปแบบ Dashboard ตลอดจนสามารถเชื่อมต่อกับระบบอื่น อาทิ SET ESG Data Platform ของตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมถึงหน่วยงานที่เป็นเจ้าของข้อมูลการใช้พลังงานและทรัพยากร ปัจจุบันอยู่ระหว่างพัฒนาระบบต้นแบบ (prototype) โดยมี บจ. นำร่อง 20 บริษัทจากทุกกลุ่มอุตสาหกรรมร่วมทดสอบ ก่อนเปิดใช้อย่างเป็นทางการภายในไตรมาสแรกปี 2568 โดยในเฟสแรก เน้น บจ. ที่สนใจใช้เครื่องมือจัดทำและเปิดเผยข้อมูลก๊าซเรือนกระจกในขอบเขตที่ 1 (การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรงจากกิจกรรมขององค์กร) และขอบเขตที่ 2 (การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากการใช้พลังงาน) พร้อมทวนสอบข้อมูลก๊าซเรือนกระจกตามข้อกำหนดของ 56-1 One Report และจะขยายไปสู่ขอบเขตที่ 3 (การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากห่วงโซ่คุณค่า) ของ บจ. ในเฟสต่อไป