CFARM เปิดเทรดวันแรกที่ 1.55 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท หรือ +14.81% จากราคา IPO ที่ 1.35 บาท
บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บมจ. ชูวิทย์ฟาร์ม (2019) (CFARM) ทำธุรกิจฟาร์มไก่เนื้อให้กับคู่สัญญาชั้นนำในประเทศไทยในรูปแบบเกษตรพันธสัญญาแบบประกันราคา ประสบการณ์กว่า 20 ปี มีการเลี้ยงที่ได้มาตรฐานรับรองต่างๆ ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัย ส่งผลให้มีอัตรากำไรค่อนข้างดี นอกจากการเติบโตของอุตสาหกรรมแล้ว บริษัทยังวางแผนจะปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต รวมถึงขยายกำลังการผลิต ช่วยให้คาดการณ์กำไรปี 67-69 จะเติบโตสูงถึงเฉลี่ย 49% ต่อปี
ทั้งนี้ CFARM ทำธุรกิจฟาร์มไก่เนื้อให้กับคู่สัญญาชั้นนำในประเทศไทยในรูปแบบเกษตรพันธสัญญาแบบประกันราคา มีประสบการณ์กว่า 20 ปี มีการเลี้ยงที่ได้มาตรฐานรับรองต่างๆ อาทิ ISO 9001:2015, ISO 14001:2015 และ ISO 45001:2018 โดยเป็นการเลี้ยงระบบปิดปรับอากาศ มีระบบการให้อาหารและน้ำอัตโนมัติ รวมถึงมีระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่สามารถตรวจสอบและควบคุมสภาพแวดล้อมในโรงเรือนได้แบบ Real-time
ปัจจุบันอุตสาหกรรมไก่เนื้อของไทยอยู่ในช่วงเติบโต เนื่องจากการเปิดตลาดส่งออกใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ทำให้ความต้องการเลี้ยงไก่เนื้อเพื่อส่งออกเพิ่มสูงขึ้น ขณะเดียวกันยังมีปัจจัยบวกภายในจากแผนการลงทุนของบริษัทที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต โดยเน้นการลงทุนพัฒนาระบบในการดูแลฟาร์ม ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ประสิทธิภาพการเลี้ยงดีขึ้นแล้ว ยังช่วยลดต้นทุนในการเลี้ยงและการดำเนินงาน
ขณะที่ในปี 68 ภายหลังได้รับเงิน IPO บริษัทมีแผนจะเพิ่มจำนวนเล้าในฟาร์มเดิม รวมถึงการสร้างฟาร์มใหม่อีก 2 แห่ง ในจังหวัดบุรีรัมย์ คิดเป็นกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นราว 26% จากแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรม บวกกับการเติบโตภายในของบริษัท ทำให้เราคาดในปี 67-69 จะเป็นช่วงที่กำไรเติบโตสูงเฉลี่ย CAGR ราว 49% ต่อปี
เราประเมินราคาเป้าหมายสำหรับปี 2567 ของ CFARM อยู่ที่ 1.5 บาท อิงค่าเฉลี่ย PBV ของหุ้นที่ทำธุรกิจฟาร์มสัตว์บกในตลาดฯ อาทิ CPF, BTG, TFG และ GFPT ที่ 1.23 เท่า โดยธุรกิจของ CFARM จะไม่เหมือนธุรกิจฟาร์มสัตว์บกอื่นๆ เนื่องจากเป็นฟาร์มเลี้ยงไก่เนื้อให้แก่คู่สัญญา มีการประกันราคา ทำให้อัตรากำไรมีความผันผวนน้อย ต่างจากธุรกิจฟาร์มสัตว์บกในตลาดที่ทำครบทั้งวงจร (ทั้งอาหารสัตว์ ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ และอาหารแปรรูป) อย่างไรก็ตามถือเป็นธุรกิจที่ใกล้เคียงกันที่สุดที่จะสามารถนำมาเทียบเคียงได้
จุดเด่นในการลงทุน บริษัทมีประสบการณ์ทำธุรกิจฟาร์มมามากกว่า 20 ปี มีการเลี้ยงที่ได้มาตรฐานรับรองต่างๆ ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัย ซึ่งสามารถควบคุมประสิทธิภาพและผลตอบแทนจากการเลี้ยงไก่ รวมถึงให้ได้อัตราการเลี้ยงรอดของสัตว์และอัตราการแลกเนื้อ ทำให้บริษัทได้รับความไว้วางใจจากคู่สัญญาชั้นนำในไทย
นอกจากแนวโน้มอุตสาหกรรมไก่ไทยที่อยู่ในช่วงของการเติบโตจากการส่งออกไก่ไปยังประเทศใหม่ๆ อาทิ ประเทศในตะวันออกกลาง บริษัทยังมีแผนจะเติบโตจากการปรับปรุงระบบการเลี้ยงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ รวมถึงการขยายกำลังการผลิตจากการเพิ่มเล้าไก่ในฟาร์มเดิม และลงทุนก่อสร้างฟาร์มเลี้ยงไก่ใหม่ ทำให้เราคาดกำไรในปี 67-69 จะเติบโตค่อนข้างสูง
ด้านความเสี่ยงโดยรวมของธุรกิจค่อนข้างต่ำ เนื่องจากทั้งต้นทุนลูกไก่ และวัตถุดิบต่างๆ รวมถึงราคารับซื้อ เป็นการกำหนดจากคู่สัญญา ทำให้อัตรากำไรของบริษัทค่อนข้างคงที่ รวมถึงการที่บริษัทใช้การเลี้ยงระบบปิด ทำให้สามารถจัดการความเสี่ยงด้านโรคระบาดในไก่ได้ ปัจจัยเสี่ยงสำคัญ จึงอาจมีแค่การอุบัติของโรคใหม่ที่อาจเกิดผลกระทบต่อการทำธุรกิจ อย่างเช่น โควิด-19