นายอมร จุฬาลักษณานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เอไอเอ็ม อินดัสเทรียล โกรท (AIMIRT) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา กองทรัสต์ AIMIRT ได้รับโอนทรัพย์สินและภาระของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค (PPF) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเพื่อแลกเปลี่ยนกับทรัพย์สินและภาระของกองทุนรวม PPF ที่ได้โอนให้แก่กองทรัสต์ AIMIRT ดังกล่าว ผู้จัดการกองทรัสต์ได้ออกหน่วยทรัสต์ของกองทรัสต์ AIMIRT ให้แก่กองทุนรวม PPF จำนวน 196,019,335 หน่วยทรัสต์ พร้อมเงินสดจำนวน 168,382,500 บาท ตามอัตราการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนของกองทุนรวม PPF กับหน่วยทรัสต์ของกองทรัสต์ AIMIRT (Swap Ratio) ที่ 1 หน่วยลงทุนของกองทุนรวม PPF ต่อ 0.8731 หน่วยทรัสต์ของกองทรัสต์ AIMIRT พร้อมเงินสดจำนวน 0.7500 บาทต่อ 1 หน่วยลงทุนของกองทุนรวม PPF ถือเป็นการปิดดีลการควบรวมและแปลงสภาพกองทุนรวม PPF เข้ารวมกับกองทรัสต์ AIMIRT ได้สำเร็จตามแผน
โดยธุรกรรมในครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ความสำเร็จของกองทรัสต์ AIMIRT ในฐานะรีทอิสระรายแรกและรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ที่มีนโยบายการลงทุนที่เปิดกว้าง สามารถเลือกลงทุนในทรัพย์สินศักยภาพได้อย่างเป็นกลาง และสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดให้นักลงทุน ซึ่งกองทรัสต์ AIMIRT ได้ผ่านบทพิสูจน์มาแล้วจากอดีตจนถึงปัจจุบัน เริ่มต้นจาก IPO ที่ 2,140 ล้านบาทในปี 2561 จนตอนนี้หลังจากควบรวมกองทุนรวม PPF สำเร็จ มูลค่าทรัพย์สินรวมเติบโตขึ้นจนแตะ 13,000 ล้านบาท โดยขนาดกองทรัสต์ที่ขยายใหญ่ขึ้นอย่างมีคุณภาพ ส่งผลให้กองทรัสต์ AIMIRT มีความแข็งแกร่งและมีศักยภาพสูงขึ้นในหลากหลายด้าน
ด้านนายจรัสฤทธิ์ อรรถเวทยวรวุฒิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า จากจุดเริ่มต้นในการมองเห็นศักยภาพของทรัพย์สินของกองทุนรวม PPF และการเล็งเห็นโอกาสในการประหยัดค่าธรรมเนียมและภาษีในการแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาฯ ที่ได้รับจากภาครัฐซึ่งจะสิ้นสุดในปี 2567 นี้ ตลอดช่วงระยะเวลากว่าหนึ่งปีที่ผ่านมา ผู้จัดการกองทรัสต์ AIMIRT มุ่งมั่นและพยายามในการทำให้ดีลนี้สำเร็จได้ตามแผน แม้จะมีความท้าทายในหลากหลายด้าน เพราะเชื่อมั่นว่าจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งผู้ถือหน่วยของกองทรัสต์ AIMIRT รวมถึงผู้ถือหน่วยของกองทุนรวม PPF
การควบรวมทรัพย์สินของกองทุนรวม PPF เข้ามาช่วยเสริมจุดแข็งของกองทรัสต์ AIMIRT ในหลากหลายด้าน โดยเฉพาะในแง่ของการกระจายตัวของพอร์ตทรัพย์สินไปในโซน EEC และการมีสัดส่วน Freehold ที่เพิ่มสูงขึ้นจาก 60% เป็น 67% ซึ่งแน่นอนว่าจะช่วยเสริมความมั่นคงในระยะยาวของรายได้และผลตอบแทนของกองทรัสต์ได้เป็นอย่างดี และถือเป็นอีกหนึ่ง Strategic Move ที่สำคัญในด้านการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับกลุ่มปิ่นทอง ซึ่งเป็นมืออาชีพที่จะเข้ามาช่วยบริหารจัดการทรัพย์สินต่อไป
นอกจากนี้สำหรับผู้ถือหน่วยของกองทุนรวม PPF การย้ายมาอยู่ในแพลตฟอร์มของรีทช่วยปลดล็อคข้อจำกัดในหลาย ๆ ด้าน ซึ่งข้อจำกัดหนึ่งที่สำคัญ คือ โอกาสในการเติบโตผ่านการลงทุนเพิ่มในทรัพย์สินที่มีศักยภาพ ซึ่งในปัจจุบันกองทุนรวมอสังหาฯ ไม่สามารถทำได้ ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ และลดความเสี่ยงจากการลงทุนในทรัพย์สินประเภทเดียว
นายธนาเดช โอภาสยานนท์ กรรมการผู้จัดการร่วม บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า ข้อดีและประโยชน์ที่ได้จากสำหรับธุรกรรมการควบรวมกองทุนรวม PPF ผ่านการแปลงสภาพกองทุนรวม PPF เข้ามารวมกับกองทรัสต์ AIMIRT ในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นได้อย่างชัดเจนจากการที่ได้รับเสียงสนับสนุนจากนักลงทุนทั้งสองฝ่ายเป็นอย่างดี ด้วยผลโหวตอนุมัติที่เป็นเอกฉันท์ ด้วยคะแนนเสียง 100% เต็มจากผู้ถือหน่วยของกองทรัสต์ AIMIRT และ 99% จากผู้ถือหน่วยของกองทุนรวม PPF ซึ่งเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมากในการรักษาความสมดุลของผลประโยชน์ของผู้ถือหน่วยทั้งสองฝั่ง นอกเหนือจากข้อดีทางด้านการเติบโตและกระจายตัวของพอร์ตทรัพย์สินตามที่กล่าวมา การควบรวมทรัพย์สินของกองทุนรวม PFF เข้ามา ยังทำให้กองทรัสต์ AIMIRT จัดโครงสร้างเงินทุนได้ดีขึ้น และจะก่อให้เกิดเสถียรภาพในการจ่ายประโยชน์ตอบแทนให้กับผู้ถือหน่วยของกองทรัสต์ AIMIRT ได้เป็นอย่างดี
โดยในขั้นตอนต่อไปกองทุนรวม PPF จะเริ่มดำเนินการแบ่งหน่วยทรัสต์ของกองทรัสต์ AIMIRT พร้อมเงินสดให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนของกองทุนรวม PPF ที่มีชื่อปรากฏในทะเบียนผู้ถือหน่วยลงทุน ณ วันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน และคาดว่าหน่วยทรัสต์ที่ออกใหม่ของกองทรัสต์ AIMIRT จะเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 12 มิถุนายน 2567 และหน่วยลงทุนของกองทุนรวม PPF จะถูกเพิกถอนจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันเดียวกัน