น.ส.ทอแสง ไชยประวัติ ผู้จัดการฝ่ายวางแผนการเงิน บมจ.ไทยออยล์ (TOP) เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังนี้น่าจะปรับตัวดีขึ้น โดยมองไตรมาส 3/67 จะเริ่ม Rebalance จากไตรมาส 2/67 และไตรมาส 4/67 จะปรับตัวดีขึ้น จากเป็นช่วงไฮซีซั่น หรือ ช่วงฤดูหนาว ที่จะหนุนดีมานด์ให้ปรับตัวดีขึ้น ขณะเดียวกันค่าการกลั่นสิงคโปร์ (GRM) ปัจจุบันก็เริ่มฟื้นตัวขึ้นมาอยู่ที่ 3-4 เหรียญ/บาร์เรล จากก่อนหน้านี้ลดลงไปอยู่ราว 1-2 เหรียญ/บาร์เรล จึงคาดว่าในครึ่งปีหลังนี้ก็อาจจะดีขึ้นเล็กน้อย จาก Refinery Run Cut ที่น่าจะช่วยให้ซัพพลายไม่ล้นตลาดมากเกินไป
อีกทั้งมองราคาน้ำมันดิบจะยังเคลื่อนไหวอยู่ในระดับ 80-90 เหรียญ/บาร์เรล จากปัจจัยความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลางและสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยังคงอยู่ต่อเนื่อง โดยในฝั่งของดีมานด์จะยังเห็นการเติบโตช่วงปลายปี เพราะเข้าสู่ฤดูหนาวและแรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยว ขณะที่ในส่วนของซัพพลายคาดว่าปีนี้จะทยอยปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน แต่อาจไม่มากเท่ากับปีก่อน
ปัจจัยที่ยังต้องติดตามในครึ่งปีหลัง คือ การลดกำลังการผลิตของโรงกลั่นในตลาดโลก (Potential Refinery Run Cut from Softened Margin), Seasonal Traveling Demand ซึ่งจะหนุนดีมานด์ Gasoline & Jet Market ให้ปรับตัวขึ้น รวมถึงซัพพลาย Gasoil ที่ยัง Hangover อยู่ในเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นซัพพลายทางฝั่งยุปโรป หรือสิงคโปร์ ค่อนข้างอยู่ในระดับสูง ซึ่งสต็อกที่สูง ประกอบกับ Floating Storage ของดีเซล ในฝั่งรัสเซียที่อยู่ในระดับสูง ทำให้โอกาสที่ฝั่งเอเชียจะส่งของไปขายมีน้อย และโรงกลั่นใหม่ๆ ที่จะเพิ่มขึ้นมา
สำหรับในปีนี้มองดีมานด์ Gasoline ยังคงเติบโตกว่า 3.7%, Gasoil โต 0.4% , Jet โตกว่า 20% ตามการใช้รถใช้ถนน การส่งเสริมการท่องเที่ยวที่จะช่วยหนุนจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาเดินทางมากขึ้น ส่วน Fuel Oil ดีมานด์ลดลง เนื่องจากไม่มีพาวเวอร์ดีมานด์เข้ามาในปีนี้
ส่วนภาวะตลาดสารอะโรเมติกส์ โดยสารพาราไซลีน (PX), เบนซีน คาดครึ่งปีหลังนี้ Capacity อาจไม่ได้เข้ามาในตลาดมากนัก และดีมานด์ก็ยังเติบโตอยู่ โดยเฉพาะ PX ที่น่าจะได้รับแรงหนุน และการปิดซ่อมบำรุงที่น้อยลงไป รวมถึงกำลังการผลิตใหม่ที่ไม่ได้เข้ามามากนัก
ขณะที่ตลาดโอเลฟินส์ (Olefins) ยังคงมีความท้าท้ายสำหรับโอเลฟินส์มาร์จิ้น HDPE, PP แม้ดีมานด์ยังคงมีอยู่ แต่จะมีแรงกดดันจากกำลังการผลิตที่เข้ามาค่อนข้างมาก
ตลาดน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน ปีนี้ยังได้รับแรงกดดันอยู่บ้าง จากซัพพลายใหม่ของกลุ่ม 2 และ 3 ที่เข้ามา และไม่มีการปิดซ่อมบำรุง อาจทำให้ราคาไตรมาส 3/67 ประกอบกับที่เป็นช่วงฤดูฝน อาจถูกกดดันได้ แต่คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวในไตรมาส 4/67