บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) หุ้นใหญ่กลุ่ม รพ.Defensive ช่วงตลาดผันผวน กำไรในไตรมาส 2/67 คาดเติบโตจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน (YoY) แม่เทียบกับไตรมาส 1/67 จะหดตัว (QoQ) เนื่องจากเป็นช่วง Low season หลังจากงบโค้งแรกกำไรพุ่งขึ้นไปทำ New High ขณะที่แนวโน้มทั้งปีกำไรโตต่อเนื่อง จากกลุ่มลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ แม้คูเวตจะระงับส่งผู้ป่วยมาชั่วคราว แต่ยังได้ประโยชน์จากประเทศอื่นชดเชย อาทิ ซาอุดิอาระเบีย
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยหนุนจากการเติบโตของลูกค้ากลุ่มประกันสังคมที่ได้โควต้าเพิ่มขึ้น และการปรับขึ้นค่าหัวของกลุ่มลูกค้าดังกล่าวได้เต็มปี เล็งที่จะขยายฐานลูกค้าในกลุ่มประกันสุขภาพอีกด้วย
ราคาหุ้น BDMS ตั้งแต่ต้นปี 67 ม.ค.-7 มิ.ย.67 ราคาแกว่งตัวในช่วงราคา 26.75 - 30.00 บาท โดยทำจุดสูงสุด 30.00 บาท เมื่อ 22 ก.พ.67 และจุดต่ำสุด 26.75 เมื่อ 4 มิ.ย.67
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) กรุงศรี ซื้อ 37.00 ทิสโก้ ซื้อ 37.00 หยวนต้า ซื้อ 36.20 เอเอสแอล ซื้อ 35.00 ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 35.00 บัวหลวง ซื้อ 33.50 เอเซีย พลัส Outperform 33.00
นายธีระพล อุดมเวศย์ CFA ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า แนวโน้ม BDMS ไตรมาส 2/67 โดยปกติเป็นช่วง Low season และปีนี้ไตรมาส 1/67 BDMS กำไรค่อนข้างดีทำ New High ที่ระดับ 4.07 พันล้านบาท ดังนั้นไตรมาส 2/67 อาจจะย่อตัวลงมาบ้าง แตุ่คาดว่าจะเติบโตมากกว่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ขณะที่รายได้ในไตรมาส 2/67 คาดว่าจะเติบโตในระดับ High single digit
ทั้งนี้ช่วงถือศีลอด (เดือนรอมฎอน) ที่สิ้นสุดเมื่อช่วงเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ทำให้กลุ่มลูกค้าตะวันออกกลางทยอยกลับมา คาดว่าตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาส 2/67 ถึงต้นไตรมาส 3/67 จะเป็นกลุ่มลูกค้าหลักที่ขับเคลื่อนการเติบโตได้
ขณะที่ผลการดำเนินงานปี 67 ผู้บริหารมองว่ารายได้จะโต 10-12% ซึ่งไตรมาส 1/67 เติบโตไปแล้ว 11% ทิศทางรายได้คาดว่าจะเติบโตตามเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้ ขณะที่ EBITDA Margin และกำไรน่าจะดีขึ้นในอัตราที่สูงกว่ารายได้ โดยฝ่ายวิจัยประเมินกำไรปี 67 เติบโต 14% จากปี 66 มาจากการเติบโตของกลุ่มลูกค้าในประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มประกันภัยจากแนวโน้มการซื้อประกันสุขภาพที่มากขึ้น ซึ่งสัดส่วนกลุ่มลูกค้าประกันสุขภาพในกลุ่ม BDMS ทยอยปรับเพิ่มขึ้นทุกไตรมาส
และกลุ่มลูกค้าต่างประเทศในปีนี้น่าจะเติบโตต่อเนื่อง แม้จะมีปัจจัยกดดันในกลุ่มลูกค้าคูเวตที่รัฐบาลมีนโยบายให้คนรักษาในประเทศมากขึ้น อาจจะต้องหวังพึ่งกลุ่มลูกค้าจากประเทศซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเป็นกลุ่มใหม่ที่มีโอกาสทำการตลาด รวมถึงกลุ่ม CLMV และจีนก็ยังเติบโตดี
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า BDMS ให้ข้อมูลแนวโน้มไตรมาส 2/67 เทียบ QoQ ชะลอตัวตามปัจจัยฤดูกาลเนื่องจากเป็น Low Season แต่เทียบ YoY ยังเติบโตดีต่อเนื่อง จากคนไข้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ภาพรวมกลุ่มลูกค้าต่างชาติช่วงที่เหลือของปี คาดยังเติบโตดีต่อเนื่องในระดับ Double Digit แต่ก็ยังมีกลุ่มที่มีประเด็นข่าวติดตามและตลาดมีความกังวล คือกลุ่มลูกค้าคูเวต จากกรณีรัฐบาลคูเวตได้ระงับการส่งผู้ป่วยมาประเทศไทยชั่วคราวเพื่อตรวจสอบบริการ บริษัทแจ้งว่ารอดูความคืบหน้าครึ่งหลังปี 67 และกลุ่มลูกค้าเมียนมาที่ยอดผู้ป่วยเดินทางมาลดลงเนื่องจากมีผลกระทบจากปัญหาการเมือง
ขณะที่รายได้จากกลุ่มประเทศอื่นยังเติบโตดี ช่วยชดเชยรายได้จาก 2 ประเทศที่หายไป และคาดได้ประโยชน์จากกรณีประเทศซาอุฯเพิ่มไทยเข้าอยู่ในรายชื่อประเทศปลายทางส่งผู้ป่วยมารักษา ซึ่งล่าสุดทางรัฐบาลซาอุฯได้เดินทางมาดูงานที่ รพ.กรุงเทพ แล้ว
เราคงมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มในช่วงที่เหลือของปีคาดผลประกอบการเติบโตดีต่อเนื่อง รับผลบวกจาก
1. มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวช่วยหนุนจำนวนผู้ป่วยต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มคนไข้จีนที่ได้มาตรการฟรีวีซ่า ซึ่งเริ่ม 1 มี.ค. 67 ที่ผ่านมา และกลยุทธ์ขยายฐานลูกค้าใหม่ อาทิ ซาอุดิอาระเบีย และบังคลาเทศ
2. การเติบโตของศูนย์ความเป็นเลิศทางการเพทย์ Center of Excellence (CoE) ซึ่งช่วยเพิ่มรายได้และอัตรากำไรที่ดีขึ้นจากการรักษาโรคซับซ้อน
3. ในปีนี้บริษัทมีกลยุทธ์การขยายฐานลูกค้าประกันสุขภาพมากขึ้น โดยเจาะกลุ่มลูกค้าบริษัท
4. การเติบโตของรายได้ประกันสังคม คาดโควต้าผู้ประกันตนของประกันสังคมของรพ.ในเครือทั้งหมดเพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 66 ที่ 8 แสนรายเป็น 1 ล้านราย และรับผลบวกเต็มปีจากการปรับขึ้นค่าหัวประกันสังคม 10% ตั้งแต่ พ.ค. ปี 66 โดยเราคาดกำไรปี 67 ที่ 16,068 ล้านบาท +12% YoY
คงคำแนะนำ "ซื้อ" เราคงมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการที่คาดเติบโตดีต่อเนื่อง ผลบวกจากการเปิดประเทศ และแผนในการขยายธุรกิจต่อเนื่อง คงมูลค่าพื้นฐานปี 67 ที่ 36.20 บาท
ด้าน บล.เอเอสแอล ระบุว่า ทั้งปีเราประมาณการรายได้ BDMS จากธุรกิจโรงพยาบาลอยู่ที่ 1.09 แสนล้านบาท (+8.18%) และกำไรสุทธิ 1.55 หมื่นล้านบาท (+8.21%) โดยมองเป็นการเติบโตในส่วนของรายได้ในหลายๆ ส่วน ทั้งจาก COE ในกลุ่มผู้ป่วยชาวไทยและต่างชาติ การรับรู้รายได้จากกลุ่มประกันสังคมเพิ่มขึ้น โดยเป้าปีนี้ 9 แสนคน
ด้าน Movenpick BDMS Wellness มอง EBITDA เป็นบวกได้ และ EBITDA margin รวมทั้งปีอยู่ที่ 24.49% ค่อนข้างทรงตัวจากปีก่อน แม้จะมีแผนเปิด 2 ร.พ.ใหม่ปีนี้ ขณะที่ดอกเบี้ยจ่ายทั้งปีปรับลดลงจากปีก่อนเนื่องจากมีการคืนเงินกู้ 1,500 ล้านบาท ที่ครบกำหนดในต้นเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา
แนะนำ "ซื้อสะสม" โดยยังคงราคาเหมาะสมสิ้นปี 67 ที่ 35.00 บาท/หุ้น ด้วยวิธี Discounted Cash Flow ที่ WACC เท่ากับ 7.17% และมี Terminal growth 3% ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/67 ออกมา รายได้จากกิจการโรงพยาบาลออกมาใกล้เคียงคาด (สูงกว่าคาด +0.3%) ขณะที่กำไรสุทธิออกมาดีกว่าคาดราว 6% (ซึ่งคาดไว้ที่ 3,833 ล้านบาท) เนื่องมาจากอัตรากำไรขั้นต้นดีกว่าที่คาดที่ 0.1% และค่าใช้จ่ายทางการเงินต่ำกว่าคาด
โดยกำไรสุทธิไตรมาส 1/67 คิดเป็น 26% ของประมาณการทั้งปีที่ 1.55 หมื่นล้านบาท แนวโน้มของผลประกอบการยังคงเติบโตได้ดีตามแผน หลังผ่านไป 1 ไตรมาส แต่ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามได้แก่ ปัญหาเฉพาะตัวภายในประเทศที่เป็นกลุ่มลูกค้า อย่างเช่นกลุ่มตะวันออกกลาง เมียนมา ที่อาจยืดเยื้อยาวนานส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการเติบโตของรายได้ และความเสี่ยงจากการเปิด ร.พ.ใหม่ๆ ที่ผลการดำเนินงานอาจไม่เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้
https://youtu.be/ti3tDsSBv3M