บอส "ณวัฒน์" ซีอีโอ บมจ. มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MGI) นำทีมผู้บริหารแถลงยืนยันจะถือหุ้น บมจ.สบาย เทคโนโลยี (SABUY) ในสัดส่วน 10% ต่อไป แม้ว่าราคาหุ้นจะร่วงลงอย่างต่อเนื่องมาจนล่าสุดปิดวานนี้ที่หุ้นละ 0.93 บาท จากราคาที่ MGI เข้าซื้อที่หุ้นละ 4.50 บาท เพราะเชื่อว่ากลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่ Lightnet Pte. Ltd ภายใต้การนำของนายชัชวาลย์ เจียรวนนท์ จะเข้ามาช่วยพลิกฟื้นธุรกิจได้ และคาดหวังจะมีการ Synergy ธุรกิจของ MGI กับ Ecosystem ของกลุ่ม SABUY อย่างไรก็ตาม บริษัทยังติดตามสถานการณ์ของ SABUY อย่างใกล้ชิด
นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MGI ยังยืนยันว่า กรณีที่ราคาหุ้น SABUY ปรับตัวลงแรงในช่วงที่ผ่านมา จะไม่กระทบกับงบการเงินของ MGI ในไตรมาส 2/67 เนื่องจาก MGI ลงบันทึกด้วยวิธีมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่นเป็นไปตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 9 หรือ TFRS
"อย่างที่ทุกคนคิดว่าเมื่อไรจะหมดภาระ เราคิดว่าเราทิ้งมันไว้เป็นเหมือนกับทรัพย์สินส่วนหนึ่งที่ทิ้งเอาไว้ใน Value เดิม แล้วก็พยายามโกยกลับมาให้ได้ เพราะฉะนั้นเราจะไม่หนี แล้วเราก็จะไม่ถอย" นายณวัฒน์ กล่าว
ขณะที่นายรัชพล จันทรทิม กรรมการและรองประธานกรรมการบริหาร MGI กล่าวว่า วัตถุประสงค์ในการลงทุนของ MGI ใน SABUY เพื่อต้องการทำธุรกิจร่วมกันในระยะยาว คาดหวังผลตอบแทนในการลงทุนภายใน 2-3 ปี ขณะที่ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่าง Wait&See และคาดหวังว่ากลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่ของ SABUY ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีจะช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจของ MGI
ทั้งนี้ MGI มีแผนจะขยายธุรกิจในรูปแบบกระเป๋าเงินดิจิทัล (E-Wallet) ซึ่ง Ecosystem ของ SABUY ซึ่งมีใบอนุญาตนี้อยู่แล้ว ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาและขั้นตอนในการขอใบอนุญาต E-wallet กับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีเงื่อนไขที่ทุนจดทะเบียนของบริษัทตั้งแต่ 200 ล้านบาทขึ้นไป รวมทั้งการขอใบอนุญาตที่ต้องใช้เวลา 2-3 ปี
หากได้รับใบอนุญาต E-Wallet จะเป็นการต่อยอดระบบ Ecosystem ของธุรกิจบริษัท อาทิ แพลตฟอร์ม CRM , Data Base ของลูกค้า และช่องทางต่าง ๆ ในการจัดจำหน่ายสินค้าของบริษัท โดยบริษัทอยู่ระหว่างการพัฒนาแพลตฟอร์ม One Grand ซึ่งเฟสแรกคาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในสิ้นปี 67 จะเป็น Content Community เผยแพร่เนื้อหาคอนเทนต์ต่าง ๆ ของบริษัท ช่วยลดต้นทุนจากการนำคอนเทนต์ไปเผยแพร่ในช่องทางอื่น คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายใน 3 ปี
นายณวัฒน์ กล่าวอีกว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของ MGI ช่วงครึ่งปีแรกมั่นใจรายได้เติบโตมากกว่า 100% จากปี 66 โดยมาจากการเติบโตทุกสัดส่วน โดยรายได้จากธุรกิจบริหารจัดการศิลปิน ซึ่งศิลปินรับงานพรีเซนเตอร์มากขึ้นและงานด้านการแสดง รวมทั้งมีการปรับขึ้นค่าตัวการออกงานของศิลปิน นอกจากนี้บริษัทได้ปิดดีลสปอนเซอร์เวทีมิสแกรนด์ 2024 ไปแล้ว 88 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ในไตรมาส 2/67 จากเป้าหมาย 100 ล้านบาท
ขณะที่ธุรกิจการขายสินค้ายังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 2/67 บริษัททำสถิติการขายสินค้าผ่านช่องทางแพลตฟอร์ม TikTok 45 ล้านบาทภายใน 2 เดือน ล่าสุดได้ขยายไปสู่การรับจ้างขายสินค้าของแบรนด์อื่น รวมทั้งยังมุ่งหน้าขยายสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้บริษัทยังคงเป้ายอดขายปี 67 เติบโต 100%