นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ (ANAN) กล่าวว่า บริษัทยืนยันจะดำเนินการตามแผนชำระคืนหุ้นกู้รอบถัดไปตามกำหนดในวันที่ 14 ก.ค.67 มูลค่า 3,231 ล้านบาท โดยมีความมั่นใจอย่างมากในศักยภาพการชำระคืนทั้งเงินต้นและผลตอบแทน ด้วยอนันดาฯ ยึดมั่นดำเนินงานภายใต้จุดยืน URBAN LIVING SOLUTIONS เพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัยทั้งช่วยในการแก้ปัญหาของชีวิตคนเมือง พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตของคนเมืองให้ดีขึ้น โดยสามารถบรรลุเป้าหมายตามแผนงานที่วางไว้ ส่งผลให้ผลประกอบในไตรมาสที่ผ่านมาอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ
"ที่ผ่านมาบริษัทฯ มีวินัยในการชำระหนี้ให้ตรงเวลา ไม่เคยผิดนัดดอกเบี้ยทั้งหุ้นกู้และสถาบันการเงิน ในปี 67 บริษัทยังคงเดินหน้าตามแผนธุรกิจใหม่ที่วางไว้ ทั้งมุ่งมั่นในการส่งมอบที่อยู่อาศัยที่ดีที่สุดแก่คนเมือง และขอให้ความมั่นใจกับผู้ถือหุ้นกู้ของบริษัททุกท่านว่าบริษัทได้เตรียมความพร้อมไว้เรียบร้อยแล้วสำหรับการชำระคืนหุ้นกู้ที่กำลังจะครบกำหนดในวันที่ 14 ก.ค.นี้" นายชานนท์ กล่าว
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ANAN กล่าวว่า อนันดาฯ มุ่งมั่นพัฒนาที่อยู่อาศัยและบริการให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนเมือง นำเสนอสินค้าที่ดีและมีคุณภาพพร้อมอยู่พร้อมโอนบนทำเลที่ดีที่สุดของกรุงเทพฯ สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้าจากอินไซด์ของคนเมือง เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าคนเมืองได้ครบทุกเซกเม้นท์ โดยมีสินค้าพร้อมโอนในปี 67 มูลค่า 28,284 ล้านบาท และโครงการพร้อมส่งมอบในปี 68 มูลค่า 11,929 ล้านบาท รวมทั้งหมดมูลค่า 40,213 ล้านบาท เพื่อรองรับการจ่ายหุ้นกู้ที่ครบกำหนดในวันที่ 14 ก.ค.67 จำนวน 3,231 ล้านบาท
บริษัทมีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจ เป็นการส่งสัญญาณดีขึ้น ยืนยันได้จากไตรมาส 1/67 สามารถพลิกทำกำไรในรอบ 3 ปีที่ 195 ล้านบาท และทำยอดขายได้ 5,211 ล้านบาท เติบโต 11% หากเทียบจากไตรมาสก่อนหน้า มียอดโอนจำนวน 3,344 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนลูกค้าต่างชาติ 1,215 ล้านบาท เติบโต 150% หากเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
นอกจากนี้สำหรับตลาดต่างประเทศสามารถสร้างยอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอด 3 ปี นับตั้งแต่ปี 64 มียอดขาย 1,677 ล้านบาท ปี 65 มียอดขายเพิ่มเป็น 3,464 ล้านบาท หรือเติบโต 107% และปี 66 มียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 6,989 ล้านบาท หรือเติบโต 102% และไตรมาส 1/67 สามารถสร้างยอดขายจากตลาดต่างประเทศ 1,988 ล้านบาท เติบโต 14% หากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า