(เพิ่มเติม) PS สรุปแผนออกหุ้นกู้ 1.5 พันลบ.ใน Q3/คาดปี 51 กำไรขั้นต้นสูงกว่า 37%

          บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท (PS) คาดว่าจะสามารถสรุปรูปแบบการออกหุ้นกู้ วงเงิน 1.5 พันล้านบาทได้ราวปลายเดือน ก.ค.-ต้นส.ค.นี้ หลังจากทางผู้ถือหุ้นได้อนุมัติให้ออกหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 2 พันล้านบาท
          "จะดูว่าจะออกล็อตเดียว หรือทยอยออก จากจำนวนที่ผู้ถือหุ้นอนุมัติไว้ 2 พันล้านบาท ซึ่งการขายเราต้องดูภาวะควบคู่ไปด้วยและเรายังมีหุ้นกู้เก่าที่รองรับได้ถึงปี 53" นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ PS กล่าวกับผู้สื่อข่าว 
          ส่วนเม็ดเงินจากหุ้นกู้ล็อตใหม่ ทางบริษัทจะนำไปใช้ในการลงทุนจัดซื้ัอที่ดิน ซึ่งปัจจุบันซื้อไปแล้ว 2 พันล้านบาทจากเม็ดเงินทั้งปีที่วางแผนจะซื้อที่ดิน 3 พันล้านบาท เพื่อรองรับโครงการทาวน์เฮ้าส์และบ้านเดี่ยวที่บริษัทได้มีการปรับกลยุทธมาเน้นสร้างโครงการขยับเข้ามาในเมืองมากขึ้น เพื่อให้สามารถตั้งราคาขายได้สูงขึ้นได้ 
          นายทองมา เชื่อว่า สิ้นปี 51 บริษัทจะมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่า 37% ขณะที่อัตรากำไรสุทธิก็จะสอดคลัองกับอัตรากำไรขั้นต้น เชื่อว่าจะมากกว่าปีก่อนที่อยู่ในระดับ่ 14-15%ได้เช่นเดียวกัน เนื่องจากในไตรมาส 1/51 อัตรากำไรขั้นต้นปรับสูงขึ้นมาที่ 37.4% แล้ว จากไตรมาส 4/50 อยู่ที่ 37% 
          ทั้งนี้ อัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้นมาจากการที่บริษัทสามารถตั้งราคาขายโครงการสูงขึ้นจะช่วยรองรับต้นทุนจากค่าวัสดุก่อสร้าง โดยเฉพาะเหล็กที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นมาอยู่ที่ 37-40 บาท/กก. จากปลายปีก่อนที่อยู่ที่ 30 บาท/กก. ทำให้บริษัทแบกรับต้นทุนรวม 2-3% นอกจากนั้น การที่บริษัทได้รับผลดีจากสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากมาตรการของภาครัฐ ทำให้ยังสามารถตรึงราคาขายโครงการเดิมได้ รวมทั้งจากที่บริษัทพยายามปรับรูปแบบสินค้า ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น 
          ด้านนายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ PS คาดว่ายอดขายในไตรมาส 2/51 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่าไตรมาส 1/51 ที่มียอดขาย 5 พันล้านบาท เนื่องจากในไตรมาส 2/51 จะมีการเปิดโครงการใหม่จำนวน 15 โครงการ รวมทั้งบริษัทได้เร่งปิดการขายเืพื่อให้โอนได้เร็วขึ้น จึงทำให้เชื่อว่าภายในสิ้นปีจะมียอดรับรู้รายได้ที่ 1.4 หมื่นล้านบาท ขณะที่ยอดขายคาดว่าจะอยู่ที่ 2 หมื่นล้านบาท และยังมี Backlog ที่รอรับรู้อีกด้วย
          ส่วนความคืบหน้าในเรื่องจองการลงทุนในอินเีดียและเวียดนาม ขณะนี้ บริษัทคงจะไม่เร่งรัีบในการเข้าไปดำเนินการ ซึ่งคงจะไปเห็นในช่วงสิ้นปี เนื่องจากบริาษัทจะใช้ประโยชน์จากมาตรการภาษีของรัฐในด้านอสังหาริมทรัพย์ในประเทศก่อน อีกทั้งอยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบธุรกิจใหม่ๆ ให้มีความสอดคล้องกับภาษีธุรกิจเฉพาะด้วย