นายประพันธ์ อัศวอารี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก (EASTW) เปิดเผยว่า บริษัทมีนโยบายปรับราคาน้ำดิบและน้ำประปาประมาณ 0.50-0.75 บาท/ลบ.ม.ทุกปีนับจากปี 52 ทุกพื้นที่ทั้งในระยอง ฉะเชิงเทรา และ ชลบุรี เพื่อรักษาระดับอัตรากำไร
สำหรับพื้นที่นิคมแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ซึ่งปกติมีฐานราคาต่ำกว่าพื้นที่อื่นนั้น ขณะนี้บริษัทได้แจ้งกับผู้ใช้เพื่อทยอยปรับราคาภายในปีนี้ให้เป็น 8.50 บาท/ลบ.ม.จากเดิมอยู่ที่ 5.50 บาท/ลบ.ม.เนื่องจากในพื้นที่ดังกล่าวมีความต้องการใช้น้ำเพิ่มขึ้น ทำให้ต้นทุนของบริษัทเพิ่มขึ้นด้วย จึงต้องปรับราคาให้สอดรับกับต้นทุน และให้ฐานราคาเท่ากันทุกพื้นที่ น่าจะส่งผลให้ประกอบการดีขึ้นในครึ่งปีหลัง
"การปรับขึ้นราคาคิดว่าคงเห็นผลในไตรมาส 3 และ 4 แต่จะชัดเจนในปีหน้า" นายประพันธ์ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
ทั้งนี้ ความต้องการในนิคมแหลมฉบังเพิ่มเป็น 70 ล้าน ลบ.ม. จาก 10 ล้าน ลบ.ม.
สำหรับแผนขยายธุรกิจในต่างประเทศ นายประพันธ์ กล่าวว่า อยู่ระหว่างศึกษาโครงการทั้งน้ำดิบและน้ำประปาในจีนและเวียดนาม รวมถึงการทำน้ำจืดจากน้ำทะเลในตะวันออกกลาง ได้แก่ สหรัฐอิมิเรตส์ และดูไบ คาดว่าภายในปีนี้น่าจะได้ข้อมูลเบื้องต้น
"เราคาดว่าปีนี้จะได้ข้อมูลระดับหนึ่ง ว่าเราจะ focus ตรงไหน ดูความพร้อมของบริษัทมีไหม หรือสถานการณ์ข้างนอกพร้อมหรือยัง ...เราไม่จำกัดตัวเราเอง เราจะต้องก้าวอย่างระมัดระวัง เพราะใช้เงินลงทุนสูง" นายประพันธ์ กล่าว
บริษัทมองว่า ปัจจัยต่างๆ ทั้งดินฟ้าอากาศ ด้านเกษตรกรรมที่ยังจำเป็นต้องใช้แหล่งน้ำ ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องบริษัทได้ติดตามใกล้ชิดและมองว่าเป็นโอกาสที่จะขยายงานไปต่างประเทศได้ อย่างน้อยก็ได้เรียนรู้เทคโนโยโลนี การตลาด ในตลาดต่งประเทศเพื่อก้าวทัน
ส่วนการเข้าร่วมประมูลงานในเวียดนาม นายเจริญสุข วรพรรณโสภาค ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนโครงการ กล่าวว่า ในเบื้องต้นโครงการลดน้ำสูญเสียในการผลิตและส่งน้ำประปาที่เมืองโฮจิมินห์ ปรากฎว่าบริษัทร่วมทุนกับบริษัทในเวียดนามเสนอราคาต่ำเป็นอันดับสอง รองจากฟิลิปปินส์ โดยค่าก่อสร้างสูงกว่าคู่แข่ง อย่างไรก็ตามก็ต้องรอผลประกาศอย่างเป็นทางการ
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--