นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กล่าวในการสัมมนาหัวข้อ "Discover new opportunities ทำลายกำแพงการลงทุน" ว่า แม้ว่าตลาดหุ้นไทยจะร่วงลงต่อเนื่องจนหลุด 1,300 จุด แต่ยังมีหุ้นหลายตัวที่ให้ผลตอบแทนที่ดี โดยเฉพาะผลตอบแทนจากเงินปันผลที่จ่ายในอัตราสูงและจ่ายสม่ำเสมอ
"หากมองแต่ในเรื่องของการปรับตัวลงของดัชนี SET Index อาจจะเป็นภาพที่ดูว่าตลาดหุ้นไทยดูไม่น่าสนใจ แต่หากมามองถึงการเลือกลงทุนหุ้นรายตัวยังเห็นศักยภาพของความสามารถในการทำกำไร และสามารถจ่ายเงินปันผลในระดับที่สูงอย่างต่อเนื่อง"นายทรงพล กล่าว
กบข.เห็นว่าการลงทุนในตลาดหุ้นไทยนั้นอาจจะต้องมองไปที่ภาพในระยะยาว ซึ่งตลาดหุ้นไทยเป็นตลาดที่ให้ผลตอบแทนที่ดี แม้ว่าอาจจะเป็นตลาดที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนจากส่วนต่างการลงทุน (Capital Gain) สูงเหมือนตลาดหุ้นในประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่การลงทุนในระยะยาวสามารถช่วยสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุนอย่างสม่ำเสมอ แต่อาจจะต้องมีการคัดเลือกหุ้นรายตัวในการจัดพอร์ตลงทุน
ขณะเดียวกันมองว่าตลาดหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นหลังจากปัจจุบันอยู่ในช่วงของการปรับฐาน โดยคาดว่าจะยังไม่มีการปรับลดกำไรบริษัทจดทะเบียนอีกครั้ง ซึ่งในปี 67 กำไรบริษัทจดทะเบียนไทยตามการประมาณการนั้นมองว่าสามารถเติบโตได้ในระดับตัวเลข 2 หลัก ถือเป็นอัตราเติบโตระดับสูง แต่หากมองถึงทางเลือกในกรลงทุนในภาวะที่ดอกเบี้ยสูง นักลงทุนอาจจะหันไปหาทางเลือกการลงทุนอื่นๆ ทำให้ตลาดหุ้นไทยดูน่าสนใจลดลง อย่างเช่น การฝากเงินในรูปแบบสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่ให้อัตราดอกเบี้ยสูงกว่า 5% หรือการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐที่ยังมีแรงหนุนจากภาวะเศรษฐกิจที่ดี และมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทรนด์เทคโนโลยีของโลก เป็นต้น ทำให้ความน่าสนใจของนักลงทุนที่จะเข้ามาในตลาดหุ้นไทยดูลดลงไป
"ตลาดหุ้นไทยมีการตีมูลค่าดีขึ้นเรื่อยๆ หรือซื้อหุ้นไทยตอนนี้ ผลตอบแทนโดยมีแนวโน้มจะดีขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับตลาดหุ้นอื่น ขณะที่ P/E ตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันอยู่ที่ 1.5 เท่า มีการปรับตัวลงมาพอสมควร เมื่อเปรียบเทียบกับตลาดหุ้นอื่นราคาดูเหมาะสมขึ้น และมีแนวโน้มที่จะปรับตัวดีขึ้น" นายทรงพล กล่าว
สำหรับ กบข.ตั้งเป้าหมายการลงทุนระยะยาวไว้ที่สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย 10 ปี ไม่น้อยกว่า 2% อย่างเช่น เงินเฟ้อเฉลี่ย 10 ปี อยู่ที่ 2% ผลตอบแทนระยะยาวของ กบข. จะอยู่ที่ 4% โดย กบข.มีหน้าที่ในการนำเงินของสมาชิกมาจัดสรร และแบ่งนำไปลงทุนเพื่อให้เกิดผลตอบแทนที่เหมาะสม โดยปัจจุบันสัดส่วนพอร์ตการลงบทุนของ กบข. แบ่งเป็น ตราสารหนี้ เกือบ 60% ส่วนที่เหลือเป็นสินทรัพย์ทางเลือก และตลาดหุ้นในและต่างประเทศ
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ยากในปีนี้มองว่าเกี่ยวกับสังคมผู้สูงวัยที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งทางกบข.ได้ศึกษาเพิ่มเติมในปีนี้ คือ เงินหลังเกษียณอายุที่แต่ละคนจะต้องมีมากขึ้น จากเดิมที่จะต้องมีราว 4-5 ล้านบาท/คน และสมาชิกที่ 1.2 ล้านคน ที่ต้องการใช้สิทธิประโยชน์เพิ่มเติม
ด้านนายสุทธิชัย ตุ้มวรชัย หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ กล่าวว่า ภาพของทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลลงมาหลุด 1,300 จุด เป็นผลมาจากที่ยังไม่มีปัจจัยบวกเข้ามาในช่วงนี้ ประกอบกับ ความไม่แน่นอนของปัจจัยการเมืองที่ยังรอความชัดเจน ทำให้ดัชนีพักตัวลงมา นักลงทุนชะลอการลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติที่ขายหุ้นไทยออกมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกดดันดัชนี
อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ยังมีปัจจัยหนุนที่เป็นความหวัง โดยเฉพาะการฟื้นเศรษฐกิจไทยให้กลับมาดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้ จากการที่ในช่วงไตรมาส 3/67 งบประมาณภาครัฐจะเริ่มมีการเบิกจ่ายออกมาอย่างเป็นรูปธรรม หลังจากล่าช้าไปค่อนข้างมาก ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการบริโภค การลงทุน และหนุนภาพรวมเศรษฐกิจไทย อีกทั้งผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนจะดีขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน ซึ่งอาจจะเห็นการเริ่มปรับประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียนในประเทศเพิ่มขึ้นตามมา ซึ่งช่วยหนุนต่อภาพรวมตลาดหุ้นไทย
"ตอนนี้หุ้นไทยก็ถือว่าปรับลงมาเยอะ ถือว่าหุ้นไทยอยู่ในระดับที่ไม่แพง และยังมีหุ้นดีๆมี Valuation ไม่แพง ก็หาจังหวะทยอยเข้าสะสมได้ในดัชนีระดับนี้" นายสุทธิชัย กล่าว
ขณะเดียวกัน ยังมองว่ามีปัจจัยหนุนจากภายนอกเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวอย่างพร้อมเพรียงกัน เศรษฐกิจของสหรัฐยังดีต่อเนื่อง ภาคการผลิตในยุโรปมีตัวเลขที่ดูดีขึ้น แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังคลุมเคลือว่าลดหรือไม่ลดดอกเบี้ยในปีนี้ก็ตาม แต่มองว่าเฟดมีความตั้งใจลดดอกเบี้ย เพียงแต่ยังรอจังหวะเวลาที่เหมาะสม อาจเกิดขึ้นในครึ่งปีหลังหลังจากธนาคารกลางอื่นๆ ลดดอกเบี้ยไปแล้ว ซึ่งหากเฟดเริ่มลดดอกเบี้ยก็จะช่วยหนุนตลาดหุ้นเกิดใหม่ในเอเชียให้น่าสนใจมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามในเรื่องประเด็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนว่าจะสามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่องได้อย่างไร รวมถึงทิศทางการเมืองในต่างประเทศที่จะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีความแปรปรวน จากการที่เข้าสู่สภาวะลานีญาในครึ่งปีหลัง แม้ว่าจะทำให้มีปริมาณน้ำฝนมากขึ้นซึ่งดีต่อภาคการเกษตรของไทย แต่ยังต้องระมัดระวังในเรื่องของอุทกภัยที่จะตามมา
แนะนำ 5 หุ้นเด่นที่สามารถทยอยเข้าลงทุนได้ ได้แก่
ADVANC ซึ่งเป็นหุ้น Defensive จากธุรกิจที่ได้รับประโยชน์ในการ Synergy และทำให้ต้นทุนลดง รวมถึงได้รับประโยชน์จากการท่องเที่ยวต่อเนื่อง
OSP ซึ่งอิงกับการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศ อีกทั้งหากมองในแง่ของผลการดำเนินงานเริ่มเห็นการกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่อง และมีมาร์เก็ตแชร์เพิ่มขึ้น รวมทั้งต้นทุนการผลิตลดลงทำให้มาร์จิ้นดีขึ้น
KCE ได้รับประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า และในช่วงไตรมาส 3/67 จะเริ่มมีการการสั่งซื้อชิ้นส่วนเพื่อเตรียมผลิตสินค้าออกมารองรับการจำหน่ายในช่วงปลายปี ทำให้ออเดอร์จะเข้ามามากขึ้น และส่งผลต่อผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น
PTTGC ราคาหุ้นปรับลงมาค่อนข้างมาก และเริ่มเห็นการฟื้นตัวขึ้น จากภาพของเศรษฐกิจโลกที่ดีขึ้น หนุนการใช้ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี และแรงกดดันจากราคาผลิตภัณฑ์คาดว่าจะเริ่มคลายลง
และ TU ที่ได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจโลกดีขึ้น อีกทั้งราคาต้นทุนทูน่าปรับตัวลงช่วยหนุนมาร์จิ้น
นายต่อตระกูล สัตยาประเสริฐ Head of Structuring and Products Development ธนาคารกรุงไทย (KTB) กล่าวว่า ความนิยมในการลงทุน DR ในตลาดหุ้นไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดมูลค่ามาร์เก็ตแคป ในตลาด DR กับ DRx รวมกันทะลุ 2.2 หมื่นล้านบาท เป็นผลจากนักลงทุนไทยเห็นช่องทางการลงทุนจากต่างประเทศ เพื่อกระจายความเสี่ยง รวมถึงการใช้ DR เป็นช่องทางลงทุนเพื่อป้องกันความเสี่ยงในการเก็บภาษีการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ
ปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนใน DR เพราะเป็นสินค้าที่ไม่มีอยู่ในตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ระดับโลก มีอัตราการเติบโตที่สูง อีกทั้งการลงทุนใน DR และ DRX ยังอยู่ภายใต้กฎของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่เป็นผู้ควบคุม ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในการลงทุน
นักลงทุนที่เข้ามาลงทุน DR และ DRx นั้น ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนรายย่อย แต่ก็ยังมีนักลงทุนรายใหญ่เริ่มเห็นโอกาสและเข้ามาลงทุน ซึ่งรูปแบบการเข้าลงทุนใน DR พบว่าเป็นการลงทุนแบบสะสม เพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว โดยผู้ถือหน่วย DR ยังได้รับสิทธิทั้งการรับเงินปันผล และการใช้สิทธิประโยชน์เช่นเดียวกับการถือหุ้นโดยตรงจากต่างประเทศ
"ตลาด DR และ DRx มีการเติบโตที่ดีมาก ซึ่งนักลงทุนเริ่มเห็นโอกาสการสร้างผลตอบแทนต่างจากประเทศ และการเก็บภาษีลงทุนจากต่างประเทศเป็นปัจจัยเร่งให้พวกเขามาใช้ช่องทางนี้ในการลงทุน" นายต่อตระกูล กล่าว