GIFT ฐานแน่นดึง BBL-APS ร่วมถือหุ้นหนุนธุรกิจโต-ต่อยอด 3 ธุรกิจใหม่เกาะเทรนด์โลก

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday June 18, 2024 10:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

GIFT ฐานแน่นดึง BBL-APS ร่วมถือหุ้นหนุนธุรกิจโต-ต่อยอด 3 ธุรกิจใหม่เกาะเทรนด์โลก

นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. กิฟท์ อินฟินิท (GIFT) เปิดเผยว่า บริษัทสามารถดึงดูดนักลงทุนสถาบันรายใหญ่ ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ซึ่งเข้าซื้อหุ้น GIFT เป็นจำนวน 132 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนประมาณเกือบ 10% หรือมูลค่ากว่า 396 ล้านบาท (ซื้อวอร์แรนต์ GIFT-W2 ในราคา 1.4 บาท/หุ้น มูลค่า 184.8 ล้านบาท รวมกับค่าแปลงสิทธิ 1.6 บาท/หุ้น คิดเป็น 211.2 ล้านบาท) เตรียมขึ้นเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ห้าอันดับแรก

นอกจากนี้ บล.เอเซีย พลัส (APS) ได้เข้าซื้อวอร์แรนต์ GIFT-W2 จำนวน 30 ล้านหุ้น หรือมูลค่า 90 ล้านบาท (ซื้อวอร์แรนต์ GIFT-W2 ในราคา 1.4 บาท/หุ้น มูลค่า 42 ล้านบาท รวมกับค่าแปลงสิทธิ 1.6 บาท/หุ้น คิดเป็น 48 ล้านบาท) เตรียมขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นหลักเช่นกัน

GIFT ฐานแน่นดึง BBL-APS ร่วมถือหุ้นหนุนธุรกิจโต-ต่อยอด 3 ธุรกิจใหม่เกาะเทรนด์โลก
"ทั้งหมดล้วนเป็น Long-term Strategic Partners สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของบริษัทฯ ที่จะผลักดันให้ GIFT สามารถขยายการเติบโตให้แก่ธุรกิจเดิม พร้อมต่อยอดสู่ธุรกิจใหม่ๆ ผ่านการควบรวมกิจการ (M&A) ตามแผนได้อย่างแน่นอน"

นายสุรชัย กล่าวว่า การที่ธนาคารกรุงเทพ และ บล.เอเซีย พลัส เข้ามาลงทุนใน GIFT เชื่อว่าจะส่งผลดีให้กับบริษัทฯ ในหลายมิติ โดยเฉพาะช่วยสร้างความเชื่อมั่นและน่าเชื่อถือให้แก่นักลงทุนและผู้ถือหุ้น เพราะนักลงทุนสถาบันรายใหญ่ เมื่อจะเข้าลงทุนและเป็น Long-term Strategic Partner ต้องศึกษาและวิเคราะห์โดยละเอียด ที่สำคัญ ต้องมองเห็นถึงศักยภาพการเติบโตระยะยาวของบริษัทนั้นๆ

GIFT ฐานแน่นดึง BBL-APS ร่วมถือหุ้นหนุนธุรกิจโต-ต่อยอด 3 ธุรกิจใหม่เกาะเทรนด์โลก

การซื้อวอร์แรนต์ เท่ากับว่าธนาคารกรุงเทพจะต้องใช้เงินเพื่อแปลงสภาพประมาณ 211 ล้านบาท ในขณะที่ บล. เอเซีย พลัส ต้องใช้เงินจำนวน 48 ล้านบาท เพื่อแปลงสภาพ ซึ่งเม็ดเงินจำนวนนี้จะนำไปต่อยอดการเติบโตธุรกิจของ GIFT ตามแผนได้ทันที และหากในอนาคต GIFT มีการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ก็มีโอกาสที่จะได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากนักลงทุนสถาบัน ซึ่งเป็น Strategic Shareholder

นอกจากกลุ่มเชษฐโชติศักดิ์และนักลงทุนสถาบันอย่าง ธนาคารกรุงเทพ และบล.เอเซีย พลัส ที่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ GIFT แล้ว ยังมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่อื่นๆ ซึ่งเป็นนักลงทุนที่มีประสบการณ์และคร่ำหวอดในวงการธุรกิจมาอย่างยาวนานอีกด้วย

ปัจจัยที่ทำให้ GIFT มีศักยภาพโดดเด่นและมีความน่าสนใจจนสามารถดึงดูดนักลงทุนสถาบันเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ได้แก่

  • ทีมผู้บริหารรุ่นใหม่ไฟแรง นำโดยนายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ผนึกกำลังกับผู้บริหารรุ่นใหม่ อย่าง นายโชติ เชษฐโชติศักดิ์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร รวมถึงทีมนักบริหารรุ่นใหม่ไฟแรงที่มีวิสัยทัศน์ในการวางแผนการดำเนินธุรกิจอย่างรวดเร็ว ชัดเจน และมีกลยุทธ์ทางธุรกิจที่โดดเด่น จึงสามารถขับเคลื่อนธุรกิจของ GIFT ให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
  • เทิร์นอะราวนด์แกร่งสร้างผลประกอบการเติบโตก้าวกระโดด ปี 66 สร้างรายได้กว่า 806 ล้าน เติบโตจากปีก่อนหน้าถึง 577% ในขณะที่ไตรมาส 1/67 มีรายได้รวม 557 ล้านบาท เติบโตสูงถึง 8,210% จากปี 66 และมีกำไร 37 ล้านบาท หรือคิดเป็น 593% จากไตรมาส 1/66 หากไม่รวมรายการค่าใช้จ่าย One-time
  • 3 กลุ่มธุรกิจหลักโตตามเทรนด์ ดำเนินธุรกิจ 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจ Tech & Innovations กลุ่มธุรกิจ Food & Beverage และกลุ่มธุรกิจ Health & Beauty ครอบคลุมไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่และสอดคล้องกับเทรนด์ที่น่าสนใจในโลกปัจจุบัน ทั้งยังมีศักยภาพเติบโตในระยะยาว ด้าน A Lot Tech แพลตฟอร์มจำหน่ายสินค้า IT และ IoT ในไทยภายใต้กลุ่มธุรกิจ Tech & Innovations เป็นธุรกิจที่มีศักยภาพสูงและมาร์จินสูง ทั้งยังเดินหน้าขยายสู่ตลาดใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง

ด้านกลุ่มธุรกิจ Food & Beverage มีศักยภาพการเติบโตจากการขยายสาขาเพิ่มทั้งในกรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยวหลัก นอกจากนี้ยังขยายแฟรนไชส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับกลุ่มธุรกิจ Health & Beauty บริษัทวางทิศทางการลงทุนในธุรกิจชะลอวัย และโรงพยาบาลหรือคลินิกเสริมความงาม ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา 1-2 ดีล ใช้เงินลงทุนประมาณ 500 ล้านบาท/ดีล


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ