SET ปิดวันนี้ที่ 1,297.41 จุด เพิ่มขึ้น 0.82 จุด (+0.06%) มูลค่าซื้อขาย 38.066.87 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯ ระบุตลาดหุ้นไทยวันนี้ช่วงเช้าดัชนีรีบาวด์ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค แต่ช่วงบ่ายพลิกไหลลงมาหลุด 1,300 จุดอีกครั้ง เหลือปิดบวกแค่เล็กน้อย รับแรงขายทำกำไรหลังศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ตัดสินคดียุบพรรคก้าวไกลและคดีคุณสมบัตินายกรัฐมนตรี โดยนัดพิจารณาต่อในเดือน ก.ค. ทำให้ภาพการเมืองไม่แน่นอนกดดันตลาดต่อไป ขณะที่การฟื้น LTF ยังไม่ชัดเจนและล่าช้า แนวโน้มพรุ่งนี้เทคนิคยังเป็นขาลง ให้กรอบแนวรับ 1,280 จุด และแนวต้าน 1,310 จุด
SET ปิดวันนี้ที่ 1,297.41 จุด เพิ่มขึ้น 0.82 จุด (+0.06%) มูลค่าซื้อขาย 38.066.87 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีรีบาวด์ในช่วงเช้าก่อนที่ปรับลงในช่วงบ่าย โดยทำจุดต่ำสุด 1,295.18 จุด ทำจุดสูงสุดที่ 1,310.76 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้เพิ่มขึ้น 254 หลักทรัพย์ ลดลง 226 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 175 หลักทรัพย์
นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาด หุ้นไทยช่วงเช้ารีบาวด์ขึ้นมาสอดคล้องกับตลาดภูมิภาค จากปัจจัยเทคนิคเข้าเขตขายมากเกินไป (Oversold) ขณะที่คดีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ศาลประทับรับฟ้องแต่ให้ประกันตัวไม่มีผลต่อตลาดหุ้นเท่าไร
ขณะที่เปิดภาคบ่าย ตลาดตอบรับข่าวที่ศาลรัฐธรรมนูญยังไม่มีคำวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกล และคดีคุณสมบัตินายกรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน โดยนัดพิจารณาต่อไปในเดือน ก.ค. ส่งผลให้สถานการณ์การเมืองยังมีความไม่แน่นอน จึงมีแรงขายทำกำไรออกมามาก ส่งผลให้ดัชนีช่วงบ่ายพลิกมาไหลลงจนปิดตลาดเหลือบวกได้เล็กน้อย แต่หลุดระดับ 1,300 จุดอีกครั้ง
นอกจากนี้ ประเด็นการรื้อฟื้นมาตรการกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ซึ่งยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาปรับเงื่อนไขและมองว่ายังไม่มีความชัดเจน รวมทั้งมาตรการกำกับควบคุม Short Sell ที่ออกมาช่วงบ่ายตลาดรับรู้กรอบเวลาการประกาศใช้มาก่อนแล้ว
แนวโน้มพรุ่งนี้คาดดัชนีแกว่งตัว แต่ภาพทางเทคนิคยังเป็นขาลงหลังจากวันนี้ไม่สามารถทะลุผ่าน 1,310 จุดไปได้อย่างแข็งแกร่ง สถานการณ์ตลาดโดยรวมยังไม่ค่อยดี ไร้ปัจจัยหนุน ประเด็นการเมืองยังยืดเยื้อ อีกทั้งในวันที่ 19-21 มิ.ย.นี้จะมีการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ
ให้กรอบแนวรับ 1,280 จุดและแนวต้าน 1,310 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,395.32 ล้านบาท ปิดที่ 126.00 บาท ลดลง 0.50 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,265.52 ล้านบาท ปิดที่ 60.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,223.01 ล้านบาท ปิดที่ 32.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,147.87 ล้านบาท ปิดที่ 4.88 บาท เพิ่มขึ้น 0.12 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,098.45 ล้านบาท ปิดที่ 55.25 บาท ลดลง 0.50 บาท