นาย Jamie Mills O?Brien , Investment Director, European Equities บลจ.อเบอร์ดีน(ประเทศไทย) เปิดเผยว่าในอนาคตอีก 5 ปีข้างหน้ามองว่าตลาดยุโรปจะเติบโต Outperform กว่าตลาดสหรัฐ จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว สวนทางกับการเติบโตของสหรัฐที่เริ่มตึงตัว นอกจากนี้การกำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ยุโรปเริ่มปรับลดดอกเบี้ยแล้ว ขณะที่สหรัฐยังคงดอกเบี้ยในระดับสูง รวมทั้ง Valuation ของตลาดยุโรปที่ไม่แพงซึ่ง P/E อยู่ที่ 13.8 เท่าเมื่อเทียบกับสหรัฐ P/E ที่ 21.4 เท่า และผลตอบแทนของบริษัทจดทะเบียนในยุโรปเริ่มฟื้นตัว เงินเฟ้อที่ชะลอตัวลง ซึ่งในอนาคตเม็ดเงินลงทุนจะหันมาให้น้ำหนักในตลาดยุโรปและหุ้นในตลาดที่ถูกมองข้ามไปในช่วงที่ผ่านมา
แม้ช่วงที่ผ่านมานักลงทุนมีความกังวลเศรษฐกิจในยุโรปมีปัญหาเชิงโครงสร้างที่อาจทำให้เศรษฐกิจโตช้า แต่อเบอร์ดีนเลือกลงทุนจากพื้นฐานของบริษัทนั้น ๆ ซึ่งหุ้นในตลาดยุโรปหลายตัวมีรายได้ส่วนใหญ่หรือมากกว่า 50% มาจากต่างประเทศทั่วโลกไม่ได้พึ่งพิงรายได้จากยุโรปเพียงอย่างเดียว โดยต้องเลือกหุ้นที่มีโอกาสในการเติบโต และมี Valuation ที่ถูกซึ่งถูก Undervalue จากการที่อยู่ในตลาดยุโรป ทั้งนี้จะเลือกหุ้นที่มีฐานะการเงินที่แข็งแรง ผลการดำเนินงาน Outperform มากกว่าตลาด และส่งผลให้ผลการดำเนินงานกองทุน abrdn European Sustainable Equity Fund (ABEG) ที่ผ่านมาสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่า benchmark 10% แม้ภาพรวมตลาดยุโรปจะเคลื่อนไหวช่วงเคบ ๆ
นายพงศ์ธาริน ทรัพยานนท์ หัวหน้าการลงทุนตราสารหนี้ประเทศไทย บลจ.อเบอร์ดีน(ประเทศไทย) กล่าวว่า อเบอร์ดีนมองว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยภายในช่วงที่เหลือของปีเพื่อให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง อย่างไรก็ตามในอีก 12 เดือนข้างหน้ามีโอกาสที่ดอกเบี้ยสหรัฐจะอยู่ระดับที่สูงกว่าที่ตลาดคาด ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังปี 67 ตราสารหนี้และตราสารทุนยังเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจ โดยแนะนำลงทุนในสัดส่วนตราสารหนี้ 40% และตราสารทุน 60%
โดยอเบอร์ดีนยังมองเห็นโอกาสที่จะได้ผลตอบแทนของตราสารหนี้ 5-7% ขณะที่ตราสารทุนคาดว่าจะเห็นการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนในระดับ Double Digit ซึ่งตราสารหนี้แนะนำตราสารหนี้สกุลดอลลาร์ หรือตราสารหนี้สหรัฐระยะสั้น 1-3 ปี เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้ว รวมทั้งยังมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินดอลลาร์ด้วย
ขณะที่ตลาดหุ้นอเบอร์ดันยังคงมองว่าตลาดพัฒนาแล้วยังเป็นตลาดที่ได้รับผลตอบแทนเยอะที่สุดในช่วงครึ่งปีหลัง หรือมากกว่าเมื่อเทียบกับประเทศกำลังพัฒนาที่อิงการเติบโตของเศรษฐกิจจีน โดยแนะนำตลาดหุ้นยุโรปแม้ว่าในอดีตเศรษฐกิจยุโรปจะค่อนข้างฝืดแต่ในปีนี้จะเริ่มฟื้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง