ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดพุ่ง 130.43 จุด หลังราคาน้ำมันดิบร่วง

          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (12 พ.ค.) หลังจากราคาน้ำมันดิบร่วงลงกว่า 1 ดอลลาร์ ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเรื่องเงินเฟ้อ
          สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่ง 130.43 จุด หรือ 1.20% แตะระดับ  12,876.31 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 15.30 จุด หรือ 1.10% แตะระดับ 1,403.58 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดเพิ่มขึ้น 42.97 จุด หรือ 1.76% แตะระดับ 2,488.49 จุด
          ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.05 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 11 ต่อ 4 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 1.90 พันล้านหุ้น
          เคร็ก เพ็คแฮม นักวิเคราะห์จากบริษัทเจฟเฟอรีส์ แอนด์ โค กล่าวว่า นักลงทุนคลายความกังวลเรื่องเงินเฟ้อทันทีที่ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กร่วงลง 1.73 ดอลลาร์ แตะระดับ 124.23 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 126.40 ดอลลาร์
          นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากข่าวที่ว่า ธนาคาร HSBC Holdings PLC รายงานผลกำไรไตรมาสแรกเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว แม้ธนาคารต้องปรับลดมูลค่าสินทรัพย์ทางบัญชีลงราว 3.2 พันล้านดอลลาร์เนื่องจากขาดทุนในตลาดซับไพรม์
          ขณะเดียวกัน นักลงทุนให้น้ำหนักกับข่าวที่ว่า นายเจมี ไดมอน ซีอีโอของเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ประเมินว่า วิกฤตการณ์ในตลาดสินเชื่อใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว แต่ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจในสหรัฐกำลังเริ่มต้นขึ้น
          "การที่ตลาดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้สะท้อนให้เห็นว่า นักลงทุนจำนวนมากยังอยากที่จะเสี่ยงเข้าลงทุน แม้นักวิเคราะห์บางคนกล่าวว่าตลาดวอลล์สตรีทยังอยู่ในภาวะผันผวน โดยเมื่อคืนนี้ตลาดดีดตัวขึ้นกว่า 100 จุดหลังจากร่วงลงเกือบตลอดสัปดาห์เนื่องจากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นอย่างร้อนแรง" เพ็คแฮมกล่าว
          หุ้นฮิวเล็ต แพคการ์ด ร่วงลง 5.1% หลังจากมีข่าวว่าฮิวเล็ต แพคการ์ด กำลังเจรจาเรื่องการซื้อหุ้นกับบริษัทอิเล็คทรอนิก ดาตา ซิสเต็มส์ (อีดีเอส) แต่ข่าวดังกล่าวฉุดหุ้นอีดีเอสร่วงลง 28% 
          หุ้นเอ็มบีไอเอดีดขึ้น 5% แม้บริษัทรายงานตัวเลขขาดทุนไตรมาสแรกราว 2.41 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่หุ้นแอปเปิลพุ่งขึ้น 2.6%
          นักลงทุนจับตาดูยอดค้าปลีกประจำเดือนเม.ย.ของสหรัฐ และยอดขายไตรมาสแรกของบริษัทค้าปลีก อาทิ วอล-มาร์ท และเจซีเพนนี