นางสาวพฤกษา เอี่ยมธงทอง Deputy Head of Equities - Asia Pacific, Asian Equities บลจ.อเบอร์ดีน(ประเทศไทย) เปิดมุมมองต่อตลาดหุ้นเอเชียในปี 67 คาดว่าจะเติบโต 15-17% จากปีก่อน โดยจะเป็นปีแรกที่อัตราการเติบโตของกำไรสุทธิเป็นบวกหลังจาก 2 ปีที่ผ่านมาติดลบ โดยแรงผลักดันการเติบโตของหุ้นเทคโนโลยีในไต้หวันและเกาหลี รวมทั้ง Valuation ยังถูกเมื่อเทียบกับตลาดสหรัฐราว 35-40% ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้การคาดการณ์ปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) 1 ครั้งภายในสิ้นปีนี้จะหนุนให้เม็ดเงินลงทุนไหลเข้าตลาดเอเชีย
ในปีนี้จะเห็นการเติบโตของหุ้นเทคโนโลยีเอเชียสะท้อนจากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของหุ้นเทคโนโลยีในสหรัฐ โดยหุ้นในเกาหลีและไต้หวันส่วนใหญ่จะประกอบธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง หรือเป็น Supply Chain ให้กับบริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐ ดังนั้นจะเห็นการเติบโตของกลุ่มดังกล่าวตามไปด้วย นอกจากนี้ ปัจจุบันแม้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีถูกขับเคลื่อนโดย AI แต่อเบอร์ดีนคาดการณ์ว่าในครึ่งปีหลัง กลุ่ม Non-Ai ด้านเทคโนโลยีเริ่มที่จะฟื้นตัวแล้วและเข้ามาหนุนการเติบโตของกลุ่มเทคโนโลยีมากขึ้นอีก
ขณะที่ตลาดหุ้นจีนปีนี้คาดว่าจะเติบโตประมาณ 12-15% โดยในไตรมาส 1/67 ผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในจีนเติบโตได้มากกว่าคาด และราคาหุ้นยังไม่แพง อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามการฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลจีนได้มีมาตรการเพื่อพลิกฟื้นภาคอสังหาฯ แต่มองว่างบลงทุนเพื่อซื้ออสังหาฯ ค้างสต๊อกยังไม่เพียงพอ
ทั้งนี้ ในเดือนก.ค.จะมีการประชุมสำคัญ 2 ครั้ง ได้แก่ การประชุม Politburo ของจีนคาดจะมีประชุมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังปี 67 ซึ่งคาดว่าจะมีมาตรการช่วยเหลือภาคอสังหาฯ เพิ่มเติม และการประชุมคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ชุดที่ 20 ครั้งที่ 3 (Third Plenum) โดยจะมีการปฏิรูปเศรษฐกิจประเทศในระยะยาว 5-10 ปี อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี รวมทั้งการลดปัญหาหนี้ของรัฐบาลท้องถิ่นที่อยู่ระดับสูงและเป็นปัญหามากว่า 10 ปีแล้ว
ทั้งนี้ อเบอร์ดีนแนะนำ Underweight หุ้นจีน ติดตามมาตรการหนุนภาคอสังหาฯฟื้นตัว โดยปรับพอร์ตให้เหมาะสมกับสภาพตลาดจีน มุ่งเน้นบริษัทที่มีการศักยภาพในการเติบโตระยะยาว ซึ่งที่ผ่านมาแม้สภาพตลาดจะไม่ดี แต่ด้วยปัจจัยพื้นฐานของหลายบริษัททำให้ยังมีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิ (EPS) มากกว่า 15% และ Valuation อยู่ในจุดที่ถูก หลังจากถูกแรงขายด้วยสภาพตลาดโดยรวมของจีน จึงเป็นโอกาสที่ดีของนักลงทุนระยะยาวที่จะเข้าไปซื้อหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี
ขณะที่มุมมองตลาดหุ้นไทย ซึ่ง Underperform ภูมิภาคมา 2 ปีแล้ว มี Valuation ถูก แต่ยังไม่มีธีมการลงทุนที่ชัดเจนทำให้เม็ดเงินไหลส่วนใหญ่ไหลเข้าในตลาดที่มี Thematic อาทิ ตลาดไต้หวันและเกาหลี ที่มีความโดดเด่นในกลุ่มเทคโนโลยี
"ตลาดจีนนักลงทุนมองว่าเริ่มฟื้นตัว และตลาดอินเดียที่มีการเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่ประเทศอื่น ๆไม่มีปัจจัยสนับสนุนที่ชัดเจนจนกว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งคาดว่าหากเฟดลดดอกเบี้ยในสิ้นปีนี้อาจหนุนให้แต่ละประเทศในภูมิภาครวมทั้งไทยมีการปรับลดดอกเบี้ยด้วย"
อย่างไรก็ตาม มุมอมองต่อตลาดหุ้นไทยปีนี้คาดว่าจะอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิอยู่ที่ 10% พลิกกลับมาเป็นบวก โดยมีแรงหนุนจากกลุ่มสื่อสาร ท่องเที่ยว และบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกับ Global Supply Chain
นอกจากนี้ อเบอร์ดีน ยังแนะนำให้กระจายการลงทุนในตลาดเอเชีย-แปซิฟิค (APAC) โดยมีสัดส่วนจีน 20% ไต้หวันและเกาหลีเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี 20% อินเดีย 19-20% ออสเตรเลีย 8-10% และที่เหลือกระจายในประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค