นายพีระพัฒน์ ศรีสุคนธ์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม บมจ.เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) (FPT) กล่าวว่า ภาพรวมปีงบการเงินปี 67 (ต.ค. 66-ก.ย. 67) บริษัทคาดว่ารายได้ค่าเช่าต่อปีในธุรกิจโรงงานและคลังสินค้าจะเติบโต 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) หรืออยู่ที่ 5,700 ล้านบาท จากดีมานด์โรงงาน-คลังสินค้าที่เพิ่มขึ้น พร้อมวางแผนขยายธุรกิจไปยังอินโดนีเซียและเวียดนามมากขึ้น โดยตั้งเป้าการเติบโตใน 5 ปี (ปี 68-72) ขยายพื้นที่ภายใต้การบริการจัดการสู่ 5 ล้านตร.ม. ขณะที่มูลค่าทรัพย์สินภายใต้การบริหาร (AUM) ตั้งเป้าที่ 1 แสนล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 8 หมื่นล้านบาท
บริษัทวางงบลงทุน 5 ปีรวม 25,000 ล้านบาท แบ่งเป็นลงทุนในไทยปีละ 2,500-3,000 ล้านบาท ลงทุนในต่างประเทศปีละ 1,500-2,000 ล้านบาท คาดหวังจะช่วยเพิ่มรายได้ค่าเช่าจากปีละ 5,000 ล้านบาท ไปสู่ระดับปีละ 7,500 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าอัตราเช่าพื้นที่ 85-90% ซึ่งปัจจุบันอัตราเช่าในไทย 86% เวียดนาม 80-90% และอินโดนีเซีย 100%
สำหรับปัญหาที่หลายโรงงานในไทยปิดตัวไปนั้น ส่วนหนึ่งได้รับผลระทบจากสินค้าจีนที่ทะลักเข้ามาตีตลาด ขณะที่ผู้ประกอบไทยเสียเปรียบด้านความสามารถการแข่งขันเรื่องต้นทุน รวมทั้งสินค้าที่ผลิตอยู่ในปัจจุบันถูกแทนที่ด้วยสินค้ารุ่นใหม่ นอกจากนี้ ปัญหาหนี้ครัวเรือนในประเทศที่ค่อนข้างสูงกระทบการบริโภคในประเทศ แม้นักลงทุนต่างชาติจะให้ความสนใจย้ายฐานการผลิตมายังไทย แต่ยังติดปัญหาเชิงโครงสร้างที่ทำให้การเติบโตเศรษฐกิจต่ำ บริษัทจึงได้มุ่งเน้นกระจายธุรกิจออกไปต่างประเทศที่ยังมีการเติบโตสูง เช่น เวียดนาม และ อินโดนีเซีย
โดยในอินโดนีเซียปัจจุบันมีพื้นที่ที่สามารถพัฒนาได้เพิ่มอีกราว 80,000-100,000 ตร.ม. ซึ่งบริษัทมีแผนจะทำคลังสินค้าเพิ่มเติม และยังคงมองหาพื้นที่มาพัฒนาเพิ่มเติมด้วย ขณะที่เวียดนามมีพื้นที่ไม่น้อยกว่า 200,000 ตร.ม. ยังมีการเติบโตดีอยู่ หากในอนาคตเศรษฐกิจเวียดนามโตต่อเนื่อง จะหนุนอัตราการเช่าโรงงาน-คลังสินค้าในเวียดนามเพิ่มสูงขึ้น ส่วนในไทยปัจจุบันมีพื้นที่สร้างอาคารเพิ่มได้อีกไม่ต่ำกว่า 1 ล้านตร.ม.
นายพีระพัฒน์ กล่าวว่า ธุรกิจโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าเติบโตและมีดีมานด์ต่อเนื่อง ปัจจัยหลักมาจากการขยายตัวของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment: FDI) ซึ่งเป็นผลจากประเด็นภูมิรัฐศาสตร์โลก รวมถึงดีมานด์เพิ่มขึ้นจากภาคการผลิต โดยบริษัทฯ วางกลยุทธ์การสร้างธุรกิจให้แข็งแกร่งทั้งในไทยและระดับภูมิภาค ตอกย้ำการเป็นอันดับ 1 ของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมในไทย อินโดนีเซีย และเวียดนาม ด้วย พื้นที่ภายใต้การบริหารจัดการ 3.55 ล้านตร.ม. โดยแผนงานขับเคลื่อนการเติบโตจะดำเนินการใน 4 มิติหลัก ได้แก่
1.Solutions: ครบครันด้วยโซลูชันสินค้าที่หลากหลาย ส่งมอบโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าคุณภาพสูง ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกรูปแบบ ได้แก่ แบบพร้อมใช้ (Ready-Built) แบบสร้างความต้องการของลูกค้า (Built-to-Suit) และใหม่ล่าสุดกับแบบสร้างตามฟังก์ชันพร้อมใช้ (Buill-to-Function) ด้วยนวัตกรรมการพัฒนาอาคารอุตสาหกรรมที่ผสมผสานระหว่าง Ready-Built และ Built-to-Suit โดยเป็นอาคารสำเร็จรูปที่เสริมฟีเจอร์ใช้งานเฉพาะทาง โดยบริษัทฯ มีพื้นที่ให้บริการหลายโลเคชัน ทั้งเขตทั่วไป (General Zone) และเขตปลอดอากร (Free Zone) ในทำเลยุทธศาสตร์สำคัญด้าน อุตสาหกรรมและโลจิสติกส์กว่า 50 แห่งทั่วประเทศ นอกจากนั้น มีแผนใช้ที่ดินภายใต้การบริหารจัดการพัฒนาโรงงานและคลังสินค้าเพื่อขาย ซึ่งเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า และเป็นการขยายการดำเนินงานของบริษัทฯ เพิ่มเติมจากธุรกิจให้เช่าโรงงานและคลังสินค้า
2.Services: อัดแน่นด้วยบริการครบวงจรอย่างมืออาชีพ มีทีม Property Management ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์สูงในการดูแลทรัพย์สิน และทีมงานให้คำปรึกษาลูกค้าในการติดต่อกับหน่วยงานรัฐ อาทิ BOI, นิคมอุตสาหกรรม, กรมศุลกากร เพื่อให้การดำเนินงานของลูกค้าเป็นไปด้วยความสะดวก พร้อมด้วยการเดินหน้าอัปเกรดโรงงานและคลังสินค้า ผ่านการยกระดับคุณภาพอาคาร (Asset Enhancement Initiative: AEI) ทั้งดีไซน์ที่ทันสมัย ผสานฟังกชันการใช้งานที่ตอบโจทย์การดำเนินงานหรือธุรกิจของลูกค้ามากขึ้น รวมถึงยกระดับคุณภาพโลจิสติกส์พาร์ค (Park Enhancement Initiative:PEI) ภายในเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โลจิสติกส์ พาร์ค โดยส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ผู้ใช้งานโรงงานและคลังสินค้าในโครงการผ่านการเพิ่มพื้นที่สีเขียวและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ทั้งสนามฟุตบอล ลู่วิ่ง และพื้นที่พักผ่อนสำหรับคนขับรถบรรทุก เป็นต้น
3.Sustainability : ใส่ใจสังคมและสิ่งแวดล้อมตามแนวทางความยั่งยืน ตั้งเป้าพัฒนาโรงงานและคลังสินค้าที่เป็นอาคารใหม่พร้อมอัปเกรดอาคารเดิมให้ได้มาตรฐานอาคารเขียวระดับประเทศและสากล ทั้ง LEED, EDGE และ TREES ควบคู่กับการใช้พลังงานสะอาดอย่างการติดตั้ง Solar Roof, EV Charger และมี Smart Metering System สำหรับตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงาน
4.Smart&Innovation: ดึงเทคโนโลยีอัจฉริยะเสริมแกร่งการดำเนินงาน พัฒนาแพลตฟอร์มที่ผสมผสานเทคโนยีสมัยใหม่เข้าไว้ด้วยกันสำหรับการพัฒนาโครงการ การดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ บริหารงานด้านสิ่งแวดล้อม ตลอดจนมีแอปพลิเคชั่น FlexFix ตอบโจทย์งานซ่อมบำรุงที่สามารถตอบสนองผู้เช่าได้ทันทีทั้งนี้
ครึ่งปีแรกของปีงบการเงิน 67 (ต.ค.66-มี.ค.67) บริษัทส่งมอบพื้นที่ให้กับลูกค้าไปแล้วประมาณ 50,000 ตร.ม. เป็นอาคารคลังสินค้าแบบ Built-to-Suit และ Built-to-Function รวมถึงโครงการ AEI ที่ได้เข้าไปยกระดับและพัฒนาอาคารเพิ่มเติมให้กับลูกค้า พร้อมทั้งมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและเตรียมส่งมอบในครึ่งปีหลังทั้ง Last Mile Warehouse พื้นที่ 21,000 ตร.ม.ทำเลปู่เจ้าสมิงพราย จ.สมุทรปราการ รองรับ City Logistics และโรงงานพื้นที่ประมาณ 65,000 ตร.ม.สำหรับลูกค้าธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ในบินห์เดือง โลจิสติกส์ พาร์ค เวียดนาม ทั้งหมดจะผลักดันพื้นที่ภายใต้การบริหารจัดการเพิ่มเป็นกว่า 3.6 ล้านตร.ม. โดยบริษัทฯ เดินหน้าขยายการลงทุนในไทย อินโดนิเซีย และเวียดนามอย่างต่อเนื่อง
"แม้จะมีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาในตลาดหลายราย แต่บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าจะขับเคลื่อนการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยเตรียมงบลงทุน 22,000 ล้านบาทในการขยายพื้นที่ภายใต้การบริหารจัดการเพิ่มเป็น 5 ล้านตร.ม.ภายใน 5 ปี พร้อมด้วยการเพิ่มพื้นที่ที่ผ่านมาตรฐานอาคารเขียวเป็น 4 ล้านตร.ม. ซึ่งพิสูจน์ถึงความสำเร็จในการเป็นผู้นำกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมได้เป็นอย่างดี" นายพีระพัฒน์ กล่าว