RATCHแจงกำไร Q1ลด17%จากหยุดเดินเครื่องโรงไฟฟ้า2-จ่ายค่าหุ้นหงสาลิกไนต์

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday May 13, 2008 09:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง(RATCH) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยตามงบการเงินรวมระหว่างกาล ไตรมาสที่ 1/51 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 51 มีกำไรสุทธิ 1,703.85 ล้านบาท (คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น เท่ากับ 1.18 บาท) เมื่อเปรียบเทียบกับผลการดำเนินงานงวดเดียวกันของปี 50 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 2,048.74 ล้านบาท(คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น เท่ากับ 1.41 บาท) ปรากฏว่ากำไรสุทธิลดลง 344.89 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 16.83 
สาเหตุหลักเนื่องจากรายได้รวมของบริษัทฯ และบริษัทย่อย จำนวน 11,589.34 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสที่ 1/50 ที่มี 11,870.83 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 2.37 เป็นเพราะรายได้ค่าความพร้อมจ่ายของโรงไฟฟ้าราชบุรี (Availability Payment : AP) ไตรมาสที่ 1 ปี 2551 จำนวน 2,872.84 ล้านบาท ต่ำกว่าไตรมาสที่ 1/50 (3,313.73 ล้านบาท) เป็นจำนวน 440.89 ล้านบาท
สาเหตุหลักมาจาก อัตราค่าความพร้อมจ่ายในปี 51 ต่ำกว่าปี 50 ซึ่งเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า นอกจากนี้โรงไฟฟ้าพลังความร้อน เครื่องที่ 2 ได้มีการหยุดเดินเครื่องเป็นระยะเวลารวม 52 วัน เพื่อทำการซ่อมแซมอุปกรณ์โรงไฟฟ้า เป็นผลให้รายได้ค่าความพร้อมจ่ายต่ำกว่าปีก่อนเป็นจำนวน 269.08 ล้านบาท อย่างไรก็ตามโรงไฟฟ้าพลังความร้อน เครื่องที่ 2 ได้เดินเครื่องตามปกติแล้วเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 51
ส่วนต้นทุนขายและค่าใช้จ่ายในไตรมาสที่ 1/51 รวมทั้งสิ้น 9,885.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 1/50 เป็นจำนวน 63.40 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.65 สาเหตุหลักจาก ต้นทุนขาย (ไม่รวมค่าเชื้อเพลิง)สูงกว่าไตรมาสที่ 1/50 ร้อยละ 6.83 และค่าเชื้อเพลิง สูงขึ้น ร้อยละ 0.64
นอกจากนี้ ตามสัญญาร่วมลงทุนลงวันที่ 11 ธันวาคม 50 (Joint Development Agreement)กับบริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (บริษัทย่อยของบมจ. บ้านปู (BANPU)) บริษัทฯตกลงที่จะจ่ายค่า Joint Development Right Fee ในการได้เข้ามีส่วนร่วมในโครงการหงสาลิกไนต์ โดยวงเงินรวมที่คณะกรรมการบริษัทฯได้อนุมัติสำหรับการเข้าร่วมโครงการดังกล่าวเป็นจำนวนทั้งสิ้น 20 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ
โครงการหงสาลิกไนต์ ตั้งอยู่ที่เมืองหงสา ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) กำลังการผลิตรวม 1,653 เมกะวัตต์ มีกำหนดเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในปี 56 โดยบริษัทฯ มีสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 40 ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีกำลังการผลิตตามสัดส่วนเพิ่มขึ้น 661 เมกะวัตต์ สำหรับผู้ร่วมทุนอีก 2 ราย ได้แก่ บริษัท บ้านปูเพาเวอร์ จำกัด มีสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 40 และรัฐบาล
สปป.ลาว มีสัดส่วนการถือหุ้นอีกร้อยละ 20 โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ.คาดว่าจะแล้วเสร็จในเร็ว ๆ นี้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ