UMS มั่นใจปี 51 โตตามเป้า 30% หลัง Q1 รายได้สูงเป็นประวัติการณ์

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday May 13, 2008 09:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายชัยวัฒน์ เครือชะเอม กรรมการผู้จัดการ บมจ. ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส (UMS) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่าผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปี 51 ยังคงมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 1/51 น่าจะทำให้รายได้ทั้งปีจะเติบโตไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30 จากปี 50  เนื่องจากผลประกอบการในไตรมาส 1/51 บริษัทมีรายได้รายไตรมาสสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นไตรมาสที่ 6 ติดต่อกัน
ไตรมาส 1/51 มีรายได้จำนวน 864.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 343.94 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2550 ที่มีรายได้ 520.85 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 66% และมีกำไรสุทธิ 138.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 80.38 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2550 ที่มีกำไรสุทธิ 57.66 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 139.40%
“รายได้และกำไรสุทธิที่ได้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในไตรมาสนี้ เป็นผลจากราคาถ่านหินที่ปรับขึ้นและการขยายตัวของตลาดถ่านหินในประเทศที่ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทมีลูกค้ารายใหม่เข้ามาสั่งซื้อสินค้ามากขึ้นทำให้ปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าประมาณ 300 ราย และยังมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต" นายชัยวัฒน์ กล่าว
นอกจากนั้น บริษัทฯยังเล็งเห็นความสำคัญในด้านการลดต้นทุน ได้แก่ โครงการคลังสินค้าและท่าเทียบเรือที่ตำบลสวนส้ม อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร ที่จะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม พร้อมเปิดใช้งานในเชิงพาณิชย์ได้ในเดือนมิถุนายนนี้ จึงทำให้สามารถลดค่าใช้จ่ายในการผ่านท่าและค่าขนส่งถ่านหินจากท่าเทียบเรือของภาคเอกชนเข้าคลังสินค้าของบริษัท
การที่คลังสินค้าของบริษัทได้ใช้ระบบสายพานลำเลียงทำให้ช่วยลดขั้นตอนการดำเนินงานต่างๆ เนื่องจากเป็นระบอัตโนมัติทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้ถึง 40-50 ล้านบาทต่อปี ซึ่งสามารถช่วยหนุนผลประกอบการสามารถรับรู้ได้ในช่วงครึ่งปีหลัง และจะทำให้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทได้ดีขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทได้ลงทุนซื้อที่ดินเพื่อสร้างท่าเทียบเรือและคลังสินค้าซึ่งได้สร้างเป็นระบบปิด โดยมุ่งด้านรักษ์สิ่งแวดล้อมจึงใช้งบลงทุนทั้งสิ้นประมาณ 350 ล้านบาท
ส่วนบริษัทยูเอ็มเอส ไลท์เตอร์ จำกัด ได้จดทะเบียนเพิ่มทุนขึ้นเป็น 70 ล้านบาท เพื่อลงทุนด้านเรือโป๊ะลำเลียงสินค้าจำนวน 10 ลำ สามารถขนสินค้าได้ 2,000 - 2,500 ตันต่อลำ โดยคาดว่าจะได้ตรวจรับเรือโป๊ะจำนวน 7 ลำ ภายในเดือนพฤษภาคม และอีก 3 ลำ ภายในเดือนมิถุนายน ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนด้านค่าขนส่งถ่านหิน และจะสามารถเพิ่มรายได้จากค่าบริการเพิ่มขึ้น โดยรายได้ดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ