นางดาริน กาญจนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออพท์เอเชีย แคปิตอล จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ.ฟู้ดโมเม้นท์ (FM)เปิดเผยว่าในวันที่ 5กรกฎาคม 2567 ทีมผู้บริหาร FM และที่ปรึกษาทางการเงินได้ร่วมกันนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) ในรูปแบบไฮบริดบนแพลตฟอร์มออนไลน์และออฟไลน์ให้นักลงทุนได้เข้าใจถึงภาพรวมธุรกิจ แผนการดำเนินงานในอนาคต ศักยภาพการเติบโต ภายหลังการระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยคาดว่าจะสามารถระดมทุนและเข้าจดทะเบียนได้ภายในเดือนกรกฎาคม 2567 นี้
"การโรดโชว์ในครั้งนี้ ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างดี เนื่องจาก FM เป็นผู้ประกอบการที่แตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่นในอุตสาหกรรม โดยมุ่งเน้นการผลิตและจำหน่ายไก่แปรรูปปรุงสุก (Cook-Added Value Products: CAV Products) ที่นำเทคโนโลยีและนวัตกรรม (Food Technology) มาใช้ในการผลิต ซึ่งทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าผลิตภัณฑ์ไก่ชำแหละ และอยู่ในเทรนด์ความต้องการของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นมั่นใจว่าจะได้เห็นโอกาสเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดของ FM ในอนาคต"
นอกจากนี้ FM ยังมีจุดเด่นด้านกระบวนการผลิตที่มีมาตรฐานในระดับสากล เป็นที่ยอมรับจากกลุ่มลูกค้า พรีเมี่ยมโดยเฉพาะผู้จัดจำหน่ายอาหาร รวมถึงร้านอาหารบริการด่วน (QSR) รายใหญ่ที่มีสาขาทั่วโลก และกลุ่มลูกค้าในประเทศที่มีกำลังซื้อสูง เช่น ประเทศญี่ปุ่น กลุ่มประเทศในสหภาพยุโรป และประเทศเกาหลีใต้ เป็นต้น มีทีมผู้บริหารที่มีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม มีประสบการณ์ในธุรกิจยาวนานกว่า 40 ปี รวมถึงมีความมุ่งมั่นในการสร้างมูลค่าเพิ่มจากทุกชิ้นส่วนของไก่ เพิ่อตอกย้ำนโยบาย Zero Waste และ Value Added เพื่อเพิ่มมาร์จิ้นอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ FM มีแผนเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 376 .96 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 2.00 บาท คิดเป็น 38.16% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมด โดย FM จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนดังกล่าวไปใช้ ไปใช้ในการขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นประมาณ 25-30% ลงทุนในธุรกิจเพื่อเพิ่มมูลค่าจากทุกชิ้นส่วนของไก่ สำหรับรองรับการเติบโตในอนาคต และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจและชำระคืนเงินกู้ยืม
ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตโรงเชือดและชำแหละไก่ 144,000 ตัวต่อวัน และจะเพิ่มกำลังการเชือดเป็น 180,000 ตัวต่อวันในปี 2569 โดยที่บริษัทจะนำเทคโนโลยี Automation เข้ามาในกระบวนการผลิตเพิ่มมากขึ้น ขณะที่กำลังการผลิตไก่แปรรูปปรุงสุกปัจจุบันอยู่ที่ 27,600 ตันต่อปี ซึ่งจะขยายกำลังการผลิตเป็น 36,000 ตันต่อปีในปี 69
นายณัฐพล ดุษฎีโหนด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร FM กล่าวว่า บริษัทมีความแตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่นในอุตสาหกรรม เนื่องจากมีโมเดลธุรกิจเน้นไปที่ปลายน้ำ คือ การแปรรูปเนื้อไก่ปรุงสุกที่นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ที่ผ่านมาธุรกิจของบริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่องและในอนาคตมีแผนขยายธุรกิจเพิ่มขึ้นอีก โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวให้กับผู้ถือหุ้น และตั้งเป้าเป็นผู้ผลิตและส่งออกไก่แปรรูป Top 5 ของประเทศ จากปัจจุบันอยู่ที่ Top 10 ของประเทศไทย
"การเข้าจดทะเบียนใน SET นับเป็นก้าวที่สำคัญในการต่อยอดธุรกิจให้เติบโต ช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้าและพันธมิตร ตลอดจนสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน การที่ FM เป็นหนึ่งในธุรกิจด้านอาหารที่มีความโดดเด่นแตกต่างจากรายอื่น ด้วยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการผลิต มุ่งเน้นสินค้า CAV Product ซึ่งเป็นสินค้าที่มี Value-added และมีมาร์จิ้นสูง รวมถึงมีพื้นฐานทางด้านธุรกิจ และฐานะการเงินที่แข็งแกร่งประกอบกับผลประกอบการเติบโตต่อเนื่องทุกปี โดยจาก 3 ปีที่ผ่านมาเติบโตเฉลี่ย 18% และเชื่อมั่นว่าจะรักษาการเติบโตในระดับนี้ต่อเนื่องไปในอนาคตได้ นอกจากนี้ บริษัทตั้งเป้าขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำการส่งออกไก่แปรรูป จึงมั่นใจว่าหุ้น FM จะได้รับความสนใจและการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน" นายณัฐพล กล่าวในที่สุด
นอกจากนี้ บริษัทได้วางแผนการเติบโตใน 3 ปีข้างหน้า โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากไก่แปรรูปซึ่งเป็นสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงเป็น 60% ของรายได้รวมจากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 38% รวมทั้งขยายรายได้จากการส่งออกเป็น 65% จากปัจจุบันอยู่ที่ 53% ของรายได้รวม โดยในปี 67 บริษัทจะมุ่งขยายไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) และในปี 68 ขยายไปยังฟิลิปปินส์และซาอุดิอาระเบียต่อไป
นายสุเมธ มาสิลีรังสี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน FM กล่าวว่าสำหรับผลการดำเนินงาน 3 ปีย้อนหลัง (2564-2566) กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้รวม 4,166.42 ล้านบาท 5,825.72 ล้านบาท และ 5,782.16 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ 183.72 ล้านบาท 840.67 ล้านบาท และ 254.69 ล้านบาท ตามลำดับ
ส่วนไตรมาส 1/67 บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,749.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.65 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 1,417.39 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิของบริษัทฯ อยู่ที่ 124.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 70.53%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิ 73.06 ล้านบาท
แนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้คาดจะยังคงเติบโตต่อเนื่องจากปีที่แล้ว นอกจากนี้บริษัทมีแผนที่จะนำเงินระดมทุนอีกส่วนหนึ่งเพื่อขยายสู่ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง เพื่อนำชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่เหลือจากการชำแหละไก่มาแปรรูปเป็นอาหารสัตว์เลี้ยง โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาธุรกิจร่วมกับพันธมิตรซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปี 69 โดยคาดว่าจะใช้งบร่วมลงทุนราว 250 ล้านบาท