บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC)แจ้งว่า บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 1/51 จำนวน 1,628 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 1,130 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 41 เนื่องจากไตรมาสปัจจุบันมีขาดทุนจากการขายและปรับลดมูลค่าเงินลงทุนจำนวน 367 ล้านบาท ในขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อนบริษัทได้กำไรจากการขายเงินลงทุนใน บมจ.ปตท.เคมิคอล จำนวน 450 ล้านบาท
รวมทั้ง ส่วนต่างกำไรปรับตัวลดลงเนื่องจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 55 USD/bbl เป็น 91 USD/bbl หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 65 ทั้งนี้กำไรขั้นต้นมีจำนวน 2,012 ล้านบาท ลดลง 744 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 27 โดยค่าการกลั่นรวมลดลงจาก 11.13 USD/bbl ในไตรมาสก่อน เป็น 9.68 USD/bbl ในไตรมาสนี้ ทั้
ทั้งนี้ บริษัทฯ ใช้กำลังการผลิตของโรงกลั่นน้ำมันโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 181,535 บาร์เรลต่อวันหรือใช้กำลังการผลิตร้อยละ 84 ลดลงจากงวดก่อนร้อยละ 2
บริษัทฯ มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 744 ล้านบาท เนื่องจากเงินบาทแข็งค่าขึ้น และมีรายได้อื่น 326 ล้านบาท โดยเป็นกำไรจากการทำสัญญาแลกเปลี่ยนทางการเงิน(SWAP) 198 ล้านบาท
แม้ว่ายอดขายสำหรับไตรมาส 1 ปี 2551 มีจำนวน 61,258 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 10,707 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 21 โดยผลิตภัณฑ์น้ำมันมียอดขายจำนวน 44,106 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8,613 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 24 ทั้งนี้เป็นการเพิ่มขึ้นของน้ำมันเชื้อเพลิง 7,699 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากราคาขายปรับตัวสูงขึ้น
ส่วนผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีมียอดขายจำนวน 16,457 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,072 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 14 โดยเป็นการเพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและราคาของเม็ดพลาสติกชนิด PP จำนวน 1,099 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 23 เนื่องจากความต้องการใช้เม็ดพลาสติก PP ในต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้น
สำหรับ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ไตรมาส 1 ปี 2551 มีจำนวน 1,188 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 181 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้นร้อยละ 18 เนื่องจากไตรมาสปัจจุบันมีขาดทุนจากการขายและปรับลดมูลค่าเงินลงทุนจำนวน 367 ล้านบาท ในขณะที่ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญลดลง 106 ล้านบาท อนึ่งถ้าไม่รวมขาดทุนจากการขายและปรับลดมูลค่าเงินลงทุนและค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง 79 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 9 โดยมีสาเหตุจากค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานลดลง
บริษัทฯ มีดอกเบี้ยจ่ายสำหรับไตรมาส 1 ปี 2550 จำนวน 313 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52 ล้านบาท เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยจากการออกหุ้นกู้ในงวดปัจจุบันสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยในงวดก่อนซึ่งเป็นหนี้สินจากเงินกู้ระยะสั้น (Bridge Loan) ส่วนภาษีเงินได้สำหรับไตรมาสนี้มีจำนวน 9 ล้านบาท ซึ่งเป็นภาษีเงินได้ในส่วนของบริษัทย่อย ส่วนบริษัทฯ ยังใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากขาดทุนสะสมยกมา
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--