ราคาหุ้น NEX และ BYD บริษัทในกลุ่ม EA กอดคอร่วง เมื่อเวลา 10.17 น.
NEX ร่วงลง 24.0% มาที่ 1.17 บาท ลดลง 0.37 บาท
BYD ร่วงลง 25.70% มาที่ 1.33 บาท ลดลง 0.46 บาท
ราคาหุ้น บมจ.เน็กซ์พอยท์ (NEX) และ บล.บียอนด์ (BYD) ซึ่งเป็นหุ้นในกลุ่มบมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ปรับตัวลงอย่างมาก หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่ 12 ก.ค.ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษนายสมโภชน์ อาหุนัย และนายอมร ทรัพย์ทวีกุล กรรมการและผู้บริหาร บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) และบริษัทย่อยที่ EA เป็นผู้ถือหุ้นร้อยละ 99.99 (ได้แก่ บริษัท อีเอ โซล่า นครสวรรค์ จำกัด และบริษัท อีเอ โซล่า ลำปาง จำกัด) และนายพรเลิศ เตชะรัตโนภาส โดยปรากฏข้อเท็จจริงและหลักฐานที่พิจารณาได้ว่า ในช่วงปี 2556-2558 บุคคลทั้ง 3 รายได้ร่วมกันกระทำการทุจริตการจัดซื้ออุปกรณ์จากต่างประเทศ และ/หรือทุจริตการจัดซื้อโปรแกรมซอฟต์แวร์เพื่อใช้ในโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของ EA ผ่านบริษัทย่อย 2 บริษัทดังกล่าว เป็นเหตุให้บุคคลทั้ง 3 รายได้รับผลประโยชน์ จำนวนรวม 3,465.64 ล้านบาท
และเช้าวันนี้ (15 ก.ค.)ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้มีมติถอด EA ออกจากรายชื่อหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2567
โดยตลท. ขึ้น "H" หลักทรัพย์ EA ชั่วคราวในช่วงเช้าวันนี้ จนกว่าจะชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลกระทบฐานะการเงินที่อาจเกิดขึ้นจากภาระหนี้สินโดยเฉพาะเงินกู้และหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระภายในปี 2567 และแนวทางที่ชัดเจนในการชำระหนี้ดังกล่าว รวมทั้งผลกระทบต่อการบริหารจัดการกิจการของบริษัท
ขณะที่ ล่าสุด EA ได้มีมติแต่งตั้งให้นายสมใจนึก เองตระกูล ประธานกรรมการบริษัทฯดำรงตำแหน่งรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมแต่งตั้งกรรมการบริษัทเพิ่มเติม ประกอบด้วย นายชัชวาลย์ เจียรวนนท์, นายวสุ กลมเกลี้ยง และนายฉัตรพล ศรีประทุม โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคม 2567 เป็นต้นไป นอกจากนี้ ยังมีมติเห็นชอบเพื่อเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติเพิ่มจำนวนกรรมการ และพิจารณาแต่งตั้ง นายสุพันธุ์ มงคลสุธี เป็นกรรมการใหม่ของบริษัท
การปรับโครงสร้างกรรมการบริษัท และผู้บริหารระดับสูง ส่งผลให้บริษัทฯ มีคุณสมบัติครบถ้วนตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ในการยื่นขอออกตราสารหนี้หรือตราสารทุนต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ได้ ทั้งนี้ คณะผู้บริหารและทีมงานที่บริหารจัดการยังคงเป็นชุดเดิม สำหรับภาระหนี้สินของบริษัทฯ ที่จะครบกำหนดชำระในไตรมาสที่ 3 และ 4 ในปี 2567 นี้ ประกอบด้วย ภาระหนี้จากสถาบันการเงินประมาณ 3,200 ล้านบาท และหุ้นกู้จำนวน 5,500 ล้านบาทนั้น สามารถชำระได้ด้วยกระแสเงินสดจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมประมาณ 5,000 ล้านบาท (หัก Adder ของโครงการที่ครบกำหนดแล้ว) และได้เตรียมวงเงินสำรองจากสถาบันการเงิน และหุ้นกู้ที่จะเสนอขายเพิ่มเติม โดยหุ้นกู้อยู่ระหว่างขั้นตอนการยื่นเอกสารต่อ ก.ล.ต เพื่อเสนอขาย