(เพิ่มเติม) MFEC ตั้งเป้าปี 51 กำไรโต 25-30% ยอดขายโต 15-20%

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday May 13, 2008 15:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. เอ็ม เอฟ อี ซี (MFEC)เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทจะให้ความสำคัญในการทำกำไรสุทธิมากกว่ายอดขาย โดยตั้งเป้าหมายกำไรสุทธิเติบโต 25-30% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 127 ล้านบาท โดยที่ผ่านมาบริษัทได้ปรับการดำเนินงานการส่งมอบงานให้ตรงตามเวลาที่กำหนด โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มธนาคารและสื่อสาร ทำให้กำไรดีขึ้น จากที่ต้นทุนลดลง 
ขณะที่ยอดขาย ในปี 51 คาดว่าจะเติบโต 15-20% มาเป็น 2.6-2.7 พันล้านบาท
"เราคงให้ความสำคัญในเรื่องของการสร้างกำไรมากกว่ายอดขาย เพราะการเติบโตของยอดขายจะชึ้นอยู่กับเศรษฐกิจ ขณะที่กำไรจะขึ้นอยู่กับการที่เราสามารถส่งมอบได้ตามที่กำหนด ก็จะได้กำไรที่ดี"นายศิริวัฒน์ กล่าว
นายศิริวัฒน์ กล่าวว่า ในช่วงไตรมาส 2/51 และไตรมาส 3/51 บริษัทจะเข้าประมูลงานใหม่ทั้งในส่วนภาครัฐและภาคเอกชน รวมมูลค่า 1.2 พันล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้ประมาณ 500-600 ล้านบาทจะรู้ผลภายในไตรมาส 2/51 โดยปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ 873 ล้านบาท
"การเข้าประมูลดังกล่าวสอดคล้องกับนโยบายของบริษัทที่ให้งานในมือมีอยู่ 1 พันล้านบาท ขณะเดียวกันบริษัทก็ทยอยปรับลดสัดส่วนจากงานภาครัฐและหันมาเพิ่มงานภาคเอกชนมากขึ้น"นายศิริวัฒน์ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการหาพนักงานโปรแกรมเมอร์เพิ่มโดยเล็งหาจากมหาวิทยาลัยในจีน ซึ่งคาดว่าจะเห็นใน 1-2 เดือนนี้ เพราะขณะนี้บุคคลากรด้านนี้ในประเทศขาดแคลนและมีต้นทุนต่อหัวสูง ขณะที่บุคคลากรในจีนยังมีจำนวนมากและต้นทุนไม่สูง
*ล้างไพ่บริษัทลูก
สำหรับบริษัทลูกที่บริษัทถือหุ้นอยู่ส่วนใหญ่อยู่ในกระบวนการแก้ไข ได้แก่ บริษัท โฟร์บิซิเนท จำกัด(4 Bizinet) โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะขายหุ้นออก หรือ ยกเลิกกิจการ ซึ่งคาดว่าจะสรุปในปลายปีนี้ โดยที่ผ่านมามีหลายรายสนใจเข้าซื้อหุ้น
ที่ผ่านมา โฟร์บิซิเนทประสบผลขาดทุนและยังมีโครงการที่ยังค้างอยู่ 3-4 โครงการ ซึ่งบริษัทเองก็ต้องเคลียร์งานที่ค้างออกไปก่อน อย่างไรก็ตาม การปิดกิกจาการบริษัทนี้จะช่วยให้บริษัทลดต้นทุน
ขณะที่บริษัทย่อยอีก 2 แห่ง ได้แก่ บริษัท พรอมท์นาว จำกัด (Promptnow) และ บริษัท แอดวานซ์ อินเทลลิเจนซ์ โมเดิร์นนิตี้ จำกัด (AIM)นั้น อยู่ระหว่างพิจารณาแผนเพิ่มทุน ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปรายละเอียดการเพิ่มทุนทั้งสองบริษัทในช่วงไตรมาส 2 หรือ 3 ปี 51
นายศิริวัฒน์ กล่าวว่า ในส่วน Promptnow อยู่ระหว่างการจัดทำแผนร่วมกับ บมจ. เอเชียซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น ในการทำเกมออนไลน์"สมเด็จพระนเรศวรฯ"รวมมูลค่า 30 ล้านบาท คาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงไตรมาส 2/51 โดยรูปแบบการลงทุนจะแบ่งฝ่ายละครึ่ง ขณะที่จะหารือร่วมกับหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ในฐานะผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ตำนานสมเด็จพระนเรศวรด้วย
ปัจจุบัน บริษัทถือหุ้นใน Promptnow สัดส่วน 60% ของทุนจดทะเบียน 7 ล้านบาท และ ถือหุ้นใน AIM ที่ 51%ของทุนจดทะเบียน 3 ล้านบาท ทั้งนี้ การเพิ่มทุนของบริษัทลูกเพื่อนำไปเป็นเงินทุนหมุนเวียนและรองรับการเติบโตธุรกิจที่ขยายตัว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ