นางสาวยุภา ลีวงศ์เจริญ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป จำนวน 5 ชุด อายุหุ้นกู้ตั้งแต่ 1 ปี 3 เดือน ถึง 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ระหว่าง 2.85-4.30% ต่อปี ด้วยอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ "A+" แนวโน้ม "คงที่" (Stable) จากทริสเรทติ้ง
หุ้นกู้ครั้งนี้จะเสนอขายแก่ผู้ลงทุนทั่วไป (Public Offering) อายุหุ้นกู้ระหว่าง 1 ปี 3 เดือน ถึง 10 ปี เพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุนทุกกลุ่ม วัตถุประสงค์เพื่อนำเงินไปใช้ชำระคืนหนี้คงค้าง โดยหุ้นกู้ที่เสนอขายเป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ และคาดว่าจะเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 27-29 สิงหาคม 2567 สำหรับผู้ลงทุนทั่วไป มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท
ชุดที่ 1 อายุ 1 ปี 3 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ [2.85-2.95]% ต่อปี
ชุดที่ 2 อายุ 2 ปี 5 เดือน 29 วัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.45-3.55]% ต่อปี
ชุดที่ 3 อายุ 3 ปี 3 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.65-3.75]% ต่อปี
ชุดที่ 4 อายุ 5 ปี 3 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.95-4.05]% ต่อปี
ชุดที่ 5 อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [4.15-4.30]% ต่อปี
เฉพาะรุ่นอายุ 10 ปี ผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนวันครบกำหนดได้ตั้งแต่หุ้นกู้ครบปีที่ 5
ผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ทั้ง 7 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารซีไอเอ็มบี ธนาคารยูโอบี บล.เอเซีย พลัส และ บล.เกียรตินาคินภัทร
บริษัทฯ และหุ้นกู้ยังคงได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ "A+" แนวโน้ม "คงที่" (Stable) จากบริษัท ทริส เรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2567
นางสาวยุภา กล่าวว่า การดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 1/67 รายได้ยังคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยได้แรงหนุนจากธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ ธุรกิจออนไลน์ และธุรกิจโทรทัศน์บอกรับสมาชิก พร้อมการรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวมและการเพิ่มประสิทธิภาพในองค์กร ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา หรือ EBITDA เติบโตขึ้น 5 ไตรมาสติดต่อกันนับตั้งแต่ควบรวมบริษัท โดยในไตรมาส 1/67 บริษัทมี EBITDA เพิ่มขึ้น 21.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 4.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ส่งผลทำให้บริษัทมีกำไรสุทธิภายหลังการปรับปรุง (Normalized) 802 ล้านบาท
TRUE มีผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 51.1 ล้านราย โดยมีผู้ใช้งาน 5G จำนวน 11 ล้านราย เพิ่มขึ้น 4.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 และเป็นผู้ให้บริการเครือข่าย 5G ที่ครอบคลุมประชากรมากที่สุดในประเทศไทย โดยกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ตลอดจนโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) มีเครือข่าย 5G ครอบคลุมถึง 99% และครอบคลุม 90% ทั่วประเทศ