นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีแกว่งสร้างฐาน จากปัจจัยแวดล้อมที่ค่อนข้างผสมผสาน โดยปัจจัยจากสหรัฐยังมีสัญญาณบวกหลังนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวถ้อยแถลงที่สมาคมเศรษฐกิจแห่งวอชิงตัน ดีซี (Economic Club of Washington, D.C.) เมื่อคืนนี้ว่าเฟดจะไม่รอจนกว่าเงินเฟ้อจะปรับตัวสู่เป้าหมาย 2% ก่อนที่จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย สะท้อนมุมมองที่ดีในมุมดอกเบี้ยสหรัฐที่มีโอกาสจะลดได้มากขึ้น ตลาดยังคาดว่าจะปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนก.ย. หนุนตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้น
ขณะที่การเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) จีน ในไตรมาส 2/67 ขยายตัวเพียง 4.7% ต่ำกว่าที่ตลาดคาด แต่ดัชนีตลาดหุ้นจีน CSI 300 เมื่อวานนี้แกว่งทรงตัว ตลาดยังรอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม จากการประชุมใหญ่ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 15-18 ก.ค. ทั้งนี้ระยะสั้นจาก GDP ที่ขยายตัวต่ำกว่าคาดและอยู่ในช่วงรอการกระตุ้น อาจเป็น Sentiment ลบกับหุ้นกลุ่มปิโตรเคมีได้
สำหรับปัจจัยในประเทศติดตามความคืบหน้าการประชุมคณะกรรรมการนโยบายโครงการดิจิทัลวอลเล็ต หลังวานนี้มีความคืบหน้าเกี่ยวกับวงเงิน ซึ่งประเด็นดังกล่าวหนุนหุ้นกลุ่มอุปโภค-บริโภค ค้าปลีก อาทิ OSP CPALL น่าจะได้ประโยชน์ ขณะที่วันนี้ติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งตลาดรอการพิจารณาปรับเงื่อนไขกองทุน Thai ESG
อย่างไรก็ตามความกังวลประเด็นหุ้นบมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) อาจยังกดดันความเชื่อมั่นของตลาดบ้าง แต่เมื่อวานนี้กลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่เกี่ยวข้องกับข่าวปรับตัวลงตอบรับไปค่อนข้างมากแล้ว ถ้าหากวันนี้ยังปรับลงต่อจะเริ่มเป็นจุดสนใจน่าเข้ารับ โดยมองว่า TTB ถ้าย่อลงมาจากประเด็นนี้เป็นจุดสนใจที่น่าเข้ารับ
พร้อมทั้งให้กรอบแนวรับ 1,320 จุดและแนวต้าน 1,340 จุด