นายวิศิษฎ์ อัครวิเนค กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ผลิตไฟฟ้า (EGCO) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ยื่นซองประมูลรอบแรกโครงการรับซื้อไฟฟ้าขนาดใหญ่ (IPP) ในโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน NGHI SON 2 ประเทศเวียดนาม ขนาดกำลังการผลิต 1,200 เมกะวัตต์ มูลค่า 1,300 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อขยายการลงทุนรองรับการเติบโตของรายได้
ทั้งนี้ เอ็กโก กรุ๊ป จะร่วมลงทุนกับ บริษัท วันเอ็นเนอร์ยี่ ประเทศไทย จำกัด และบริษัทคู่ค้าในประเทศเวียดนาม โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 25:60:15 ตามลำดับ
นายวิศิษฎ์ กล่าวว่า บริษัทยังมุ่งเน้นแผนการลงทุนโรงไฟฟ้าในต่างประเทศมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นลาว เวียดนาม กัมพูชา และพม่า โดยมีสัดส่วนการลงทุนโรงไฟฟ้าในต่างประเทศ 30% และลงทุนโรงไฟฟ้าในประเทศ 70% เพื่อสร้างความเติบโตให้กับบริษัทมากขึ้นในอนาคต
สำหรับการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าใน สปป.ลาว นั้น ขณะนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 3 โครงการ อยู่ระหว่าง การก่อสร้าง 1 โครงการ และอยู่ระหว่างการเจรจาอีก 2 โครงการ ประกอบด้วยโครงการโรงไฟฟ้าน้ำเทิน 2 ซึ่งก่อสร้างแล้วเสร็จ 85% สามารถเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ได้ปลายปี 2552
และ โครงการโรงไฟฟ้าน้ำอู อยู่ระหว่างเจรจากับผู้ร่วมทุน ซึ่งประกอบด้วยบริษัท ชิโนไฮโดร คอร์ปอเรชั่น จากจีน และ Lao Holding State Enterprise เพื่อศึกษารายละเอียดความเป็นไปได้ในการลงทุน เบื้องต้นคาดว่า เอ็กโก กรุ๊ป จะลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 20 ขณะที่จีนและลาวอยู่ที่ร้อยละ 75 และ 5 ตามลำดับ
ส่วนความคืบหน้าโรงไฟฟ้าน้ำเทิน 1 อยู่ระหว่างการเจรจาสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กับ กฟผ. ซึ่งคาดว่าจะสามารถสรุปผลได้ในปลายปีนี้ เริ่มก่อสร้างในไตรมาส 2 ปี 2552 และเริ่มรับรู้รายได้ประมาณปลายปี 2557 หรือต้นปี 2558
นายวิศิษฎ์ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันบริษัทยังมุ่งเน้นลงทุนในโครงการที่เกี่ยวข้องกับเชื้อเพลิงและพลังงานหมุนเวียนภายในประเทศ เช่น พลังงานลม ขยะ และชีวมวล เพื่อสนับสนุนนโยบายการกระจายเชื้อเพลิง ป้องกันการกระจุกตัวของเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าด้วย
โดยล่าสุด บริษัทฯ ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT และบริษัท ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRC เพื่อศึกษารายละเอียดความเป็นไปได้ในการลงทุนโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากเอกชนรายเล็ก (SPP) ขนาดกำลังผลิต 45 เมกะวัตต์ ในนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง มูลค่าเงินลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นระหว่าง เอ็กโก กรุ๊ป ปตท. และทีอาร์ซี ร้อยละ 35:35:30 ตามลำดับ
ทั้งนี้ หากผลการศึกษามีความเป็นไปได้ คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ประมาณไตรมาสที่ 4 ของปีนี้
สำหรับผลประกอบการไตรมาสที่ 1/2551 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2551 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 2,817 ล้านบาท โดยคิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 5.35 บาท เพิ่มขึ้น 286 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่มีกำไรสุทธิ 2,531 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นผลมาจากการรับรู้ส่วนแบ่งผลกำไรจากกิจการร่วมค้าโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี และโรงไฟฟ้าแก่งคอย 2 โรงที่ 1 และ 2 ที่ได้เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์เมื่อเดือนพฤษภาคม 2550 และกุมภาพันธ์ 2551 ตามลำดับ
--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--