นายภานุวัฒน์ ขันธโมลีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สุพรีม ดิสทิบิวชั่น (SPREME) เปิดเผยว่า แผนและกลยุทธ์การดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี 67 บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับการให้บริการแบบ One Stop Service ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร โดยเน้นการรักษาฐานลูกค้าเดิม และมองหาโอกาสในการขยายฐานลูกค้าใหม่ ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรรายใหญ่ โดยเน้นการสร้าง Brand Awareness สินค้ามีคุณภาพ ราคาสามารถแข่งขันได้
"ในช่วงครึ่งปีหลังเราเตรียมเข้าร่วมประมูลงานโครงการภาครัฐมูลค่ากว่า 1.3 พันล้านบาท ซึ่งเป็นงานที่เรามีความเชี่ยวชาญและได้รับงานประมูลอย่างสม่ำเสมอตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี ที่ผ่านมา และมีโอกาสได้งานมากกว่า 60-70% เพื่อเข้ามาเติม Backlog ที่มีอยู่ประมาณ 550 ล้านบาท มั่นใจว่าจะช่วยผลักดันรายได้ในปีนี้เติบโต 15% ตามเป้าหมาย"
นายภานุวัฒน์ กล่าวอีกว่า หลังการระดมทุนและเข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้บริษัทมีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจมากขึ้น และมุ่งมั่นเป็นผู้นำธุรกิจ System Integrator ที่เติบโตอย่างมั่นคง มีความพร้อมเข้าร่วมประมูลโครงการเมกะโปรเจคมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท ที่คาดว่าจะเปิดประมูลในช่วงปลายปีนี้ อีกทั้งยังมีฐานะการเงินและกระแสเงินสดแข็งแกร่ง มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ประมาณ 0.96 เท่า ไม่มีหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ย
นอกจากนี้ ยังพร้อมเดินหน้าลงทุนซื้อกิจการ (M&A) เพื่อต่อยอดธุรกิจเดิม เพิ่มศักยภาพการเติบโตในอนาคต โดยอยู่ระหว่างการเจรจา โดยเป็นธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับ System Integrator ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก และยังรวมถึงธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่เป็นธุรกิจเมกะเทรนด์ รองรับแผนเข้ารุกตลาดประมูลงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับเมืองอัจฉริยะ (Smart City) และงานประมูลภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยสาธารณะ (Public Safety) ซึ่งจะช่วยผลักดันธุรกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดดใน