บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) รับข่าวดีหลุดพ้นคดี NT ไม่ต้องจ่ายเงินผลตอบแทนกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท พร้อมคาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/67 โตโดดเด่นฝ่าเศรษฐกิจซบเซาและการใช้จ่ายใช้สอยของผู้บริโภคลดลง แต่การใช้โทรศัพท์มือถือกลายเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตยุคนี้จึงไม่ได้รับผลกระทบ อีกทั้งนักท่องเที่ยวเข้ามาในไทยพุ่งขึ้นมากจากปีก่อนช่วยหนุนรายได้เติบโต
นอกจากนั้น ยังมีสตอรี่เชิงบวก ได้แก่ การเปิดประมูลคลื่นความถี่ของคณะกรรมการ กิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มีโอกาสที่ ADVANC จะได้คลื่นความถี่เพิ่มเข้ามาในมือ และความร่วมมือธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ของ GULF-Singtel เป็นโอกาสรุกธุรกิจคลาวด์
โบรกเกอร์ประเมินกำไร ADVANC ทั้งปี 67 จะเพิ่มขึ้น 15-22% YoY มาที่ 8.3-8.8 พันล้านบาท และคาดจ่ายปันผลงวดครึ่งแรกปี 67 ที่ 4.50-4.80 บาท เพิ่มขึ้นราว 20% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
ราคาหุ้น ADVANC วันนี้อยู่ที่ 222.00 บาท
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
กรุงศรี ซื้อ 275.00
บัวหลวง ซื้อ 270.00
อินโนเวสท์เอกซ์ Outperform 260.00
ซีจีเอสอินเตอร์ฯ ซื้อ 259.00
แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ซื้อ 250.00
ดีบีเอสวิคเคอร์ส ซื้อ 250.00
กสิกรไทย ซื้อ 248.93
หยวนต้าฯ ซื้อ 245.00
นายพิสุทธ์ งามวิจิตวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายกคำอุทธรณ์ของ บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ (NT) เช่นเดียวกันศาลปกครองกลาง เป็นเหตุให้คดีถึงที่สุด ทำให้ ADVANC ไม่ต้องจ่ายเงินผลตอบแทนเพิ่มเติมตามที่ NT เรียกร้องกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท ถือเป็นผลบวกเชิงจิตวิทยา เพราะความเสี่ยงหายไป แต่ไม่มีผลทางบัญชี เพราะบริษัทไม่เคยตั้งสำรองมาก่อน และนักวิเคราะห์ไม่เคยใส่ไว้ในประมาณการ
สำหรับไตรมาส 2/67 มองภาพรวมทั้งธุรกิจให้บริการโทรศัพท์มือถือและธุรกิจบรอดแบนด์ยังไปได้ดี โดยเฉพาะโทรมือถือปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมากจากปีก่อน ทำให้รายได้ของ ADVANC เพิ่มขึ้นในทืศทางเดียวกัน
ขณะที่บริษัทได้ยกเลิกโปรโมชั่นที่ไม่สมเหตุสมผลและต่ำกว่าทุน โดยเฉพาะ โปรใช้เน็ตมากในราคาต่ำ เมื่อยกเลิกไปก็จะทำให้มีรายได้มากขึ้น และทำให้คุณภาพโครงข่ายดีขึ้นด้วย ส่วนการแข่งขันในตลาดยังค่อนข้างทรงตัว ADVANC ยังมีอำนาจต่อรองกับดีลเลอร์มากขึ้น ทำให้ค่าใช้จ่ายลดลง ส่งผลดีต่อรายได้และกำไร
กำไรสุทธิในไตรมาส 2/67 คาดว่าจะอยู่ที่ 8,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน (YoY) แต่ลดลง 2% จากไตรมาส 1/67 (QoQ) เพราะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของท่องเที่ยวและเปิดเทอม
"ภาวะเศรษฐกิจไม่ดี ก็ไม่กระทบ หรือรับผลกระทบน้อย เพราะเป็นสินค้าจำเป็น ธุรกิจเติบโตไปได้เรื่อยๆ ?ARPU ฟื้นแต่ยังต่ำกว่าช่วงก่อนโควิด เพราะคนไทยมีเงินน้อยลง รัฐยังไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ"นายพิสุทธิ์ กล่าว
บล.กสิกรไทย คาดว่าผลประกอบการ ADVANC ในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะเติบโตกว่าช่วงครึ่งปีแรก และคาดว่าจะจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับงวดครึ่งปีแรกที่ 4.80 บาท เพิ่มขึ้น 20% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ประเมินกำไรสุทธิงวด 6 เดือนแรกปี 67 อยู่ที่ 16,700 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 5.62 บาท เติบโต 20% YoY แต่เมื่อคิดเป็น Divided Payout Ratio ที่ 85% ของกำไรสุทธิเท่ากับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ ราคาหุ้น ADVANC ที่ปรับตัวขึ้นมาแล้วในสัปดาห์ที่ผ่านมาจากการเก็งเรื่องการจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีแรก
นายพิสุทธิ์ กล่าวว่า ในช่วงต้นปี 68 กสทช.วางไทม์ไลน์เปิดประมูลคลื่นความถี่ ได้แก่ คลื่นที่ยังขายไม่หมด คือ คลื่น 1800MHz , คลื่นที่ NT ครอบครองและใกล้จะหมดอายุในเดือน ส.ค.68 คือ คลื่น 2100 MHz ซึ่งปัจจุบัน ADVANC เช่าใช้อยู่ และ คลื่น 2300 MHz ที่ TRUE เช่าใช้กับ NT ส่วนอีกคลื่นเป็นคลื่นใหม่ที่ไม่เคยนำมาใช้กับภาคโทรคมนาคม ได้แก่ คลื่น 1500 MHz
การประมูลครั้งนี้ทั้ง ADVANC และ TRUE ต้องการประมูลคลื่นที่ตัวเองเช่าใช้จาก NT อยู่ในปัจจุบัน เพราะหากประมูลมาได้จะทำให้ต้นทุนการดำเนินงานมีโอกาสถูกลงมาก ซึ่งก็ขึ้นกับการตั้งราคาประมูลด้วย และแผนการใช้คลื่นที่เป็นของตนเองมั่นคงกว่า โดยทั้ง ADVANC และ TRUE ใช้รองรับ 4G ส่วนคลื่นใหม่คาดว่าน่าจะรอให้มาตรฐาน 6G ออกมาก่อน กสทช.ไม่น่าจะรีบนำออกมาประมูล
ด้าน บล.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ระบุว่า การที่ ADVANC ชนะคดี NT ไม่ต้องจ่ายเงิน 1.6 หมื่นล้านบาท ตามที่ NT เรียกร้อง ในชั้นศาลปกครองสูงสุด ถือเป็น sentiment เชิงบวกต่อราคาหุ้น ทั้งนี้ ADVANC ยังไม่เคยตั้งสำรองค่าใช้จ่ายดังกล่าว เนื่องจากเชื่อมั่นว่าจะชนะคดีในชั้นศาลปกครองสูงสุด ผลการตัดสินดังกล่าวจึงไม่มีผลกระทบต่องบการเงิน ADVANC
ในขณะที่ ADVANC จะเปิดเผยผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/67 พร้อมประกาศจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งแรกปี 67 ช่วงเย็นวันที่ 6 ส.ค.นี้ คาดว่าจะมีกำไรงวดไตรมาส 2/67 ราว 8.3 พันล้านบาท ลดลง 2.1% QoQ เนื่องจากการตั้งสำรองโบนัสจ่ายพนักงานเพิ่มขึ้นและมีผลย้อนหลังตั้งแต่ 1 ม.ค.67 ขณะที่เติบโตถึง 15.2% YoY จากผลบวกรายได้เฉลี่ยต่อเลขหมายเพิ่มขึ้น ทั้งบริการโทรมือถือ และอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง จากผลบวกการแข่งขันด้านราคาลดลง และยังรับผลบวกจากการควบรวมกิจการ 3BB เร็วกว่าคาด ทำให้คาดว่ารายได้บริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงไตรมาส 2/67 เติบโต 160% YoY ขณะที่มีการควบคุมรายจ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ
เบื้องต้นเรายังคงประมาณการเดิม โดยคาดกำไร ADVANC ในปีนี้ที่ 33,641 ล้านบาท เติบโต 16% YoY และเติบโตต่อเนื่องอีก 12% ในปีหน้า แม้ราคาหุ้นปัจจุบันมีการฟื้นตัวตอบรับคาดการณ์ผลประกอบการไปแล้ว แต่ยังมี upside 13.1% จากราคาเป้าหมายปีนี้ที่ 250 บาท และคาดจะประกาศจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งแรกปี 67 ที่ 4.50 บาท คิดเป็น Div. Yield 2% เป็นผลให้ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" และยังเลือกเป็น หุ้น Top Pick กลุ่ม ICT
ส่วน บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ว่า กำไรหลักของ ADVANC ไตรมาส 2/67 คาดไว้ที่ 8.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% YoY และ 1% QoQ กำไรเติบโต YoY มาจากรายได้บริการหลักที่สูงขึ้นทั้งธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจบรอดแบนด์ และคาดว่ากำไรจะเติบโต QoQ เล็กน้อย เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นจากการตลาดและยอดขายอุปกรณ์โทรศัพท์ที่ลดลงหลังจากสิ้นสุดมาตาการ Easy E-recipt ที่หนุนยอดขายอุปกรณ์โทรศัพท์เคลื่อนที่ในไตรมาส 1/67
ขณะที่ไตรมาส 3/67 คาดกำไรหลัก 8.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 16%YoY และ 1%QoQ หนุนโดยรายได้บริการหลักสูงขึ้น ทั้งธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ (3.06 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 141.7%YoY และ 1.2%QoQ) เรายังคาดการณ์รายได้ต่อรายต่อเดือนจะเติบโตเล็กน้อย QoQ สำหรับธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ (225 บาท/เดือน/ราย เพิ่มขึ้น 5.5% YoY และ 0.5%QoQ) และธุรกิจบรอดแบนด์ (498 บาท/เดือน/ราย เพิ่มขึ้น 0.4%QoQ)
ส่วนกลุ่มความร่วมมือระหว่าง ADVANC-GULF-Singtel มุ่งหวังที่จะเปิดตัวดาต้าเซ็นเตอร์ tier-3 ขนาด 20 MW ในไตรมาส 1/68 คาดว่ากลยุทธ์นี้จะช่วยหนุนกำไรระยะยาวของ ADVANC ประมาณ 1-2% โดยดาต้าเซ็นเตอร์จะมีเทคโนโลยีขั้นสูง ความปลอดภัยสูง และการจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพ กลุ่มความร่วมมือยังมีแผนสำหรับเฟสที่สอง (บนที่ดินเดียวกัน) เมื่อเฟสที่หนึ่งมีการใช้งานเต็ม นอกจากนี้ ความร่วมมือของ GULF กับ Google เพื่อพัฒนาบริการคลาวด์ GDC air-gapped ในประเทศไทยจะช่วยเสริมบริการคลาวด์ของ ADVANC ตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นและสร้างความเชื่อมั่นในตลาดซึ่งอาจจะช่วยหนุนราคาหุ้นของบริษัท