บมจ.ปตท.(PTT)ปรับเพิ่มงบลงทุนของเครือ ปตท.ในแผน 5 ปี(ปี 2551-2555)เป็น 9.4 แสนล้านบาทจากเดิม 8 แสนล้านบาท ซึ่งจะทำให้รายได้ของเครือปตท.เพิ่มขึ้นแตะ 2 ล้านล้านบาทในปี 55 โดยอันดับการทำรายได้ของ ปตท.จะปรับเพิ่มขึ้นมาติด 1 ใน 100 อันดับแรกของบริษัทแม่ที่ทำรายได้สูงสุดในโลกที่จัดโดยนิตยสารฟอร์จูน จากที่เคยอยู่ในอันดับ 207
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ PTT กล่าวว่า การปรับเพิ่มงบลงทุนดังกล่าวเนื่องจากเครือ ปตท.ประเมินว่าราคาวัตถุดิบในการก่อสร้างจะเพิ่มขึ้น และบริษัทเริ่มขยายธุรกิจไปยังภูมิภาค ทำให้บริษัทในเครือทั้ง บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP)และบมจ.ปตท.เคมิคอล(PTTCH)ปรับเพิ่มงบลงทุน เพื่อขยายงานไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะในแถบอินโดจีน
"งบลงทุน 5 ปียังไงก็ต้องปรับเพิ่ม เพราะเราต้องการขยายการลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น" นายประเสริฐ กล่าว
นายประเสริฐ กล่าวว่า ในปี 51 บริษัทพยายามรักษาอัตรากำไรสุทธิให้ใกล้เคียงปี 50 แม้ว่าจะตั้งเป้ารายได้เพิ่มขึ้นอีก 10% เนื่องจากราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจะส่งผลดีต่อธุรกิจปตท. แต่อีกด้านหนึ่ง ปตท.รับภาระอุดหนุนราคาเชื้อเพลิงภายในประเทศทั้งน้ำมันและก๊าซ ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท
"ยิ่งราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องซึ่งมีแนวโน้มจะสูงขึ้นอีกจะไม่ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศ และยิ่งราคาน้ำมันสูงขึ้นทาง ปตท.ก็ต้องรับภาระอุดหนุนเพิ่มมากขึ้น แม้ว่าปตท.จะมีการปรับเพิ่มราคาน้ำมันอย่างต่อเนื่องแต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อราคาที่ปรับขึ้นไปในตลาดโลก"นายประเสริฐ กล่าว
ส่วนที่มีการคาดการณ์ว่าธุรกิจโรงกลั่นและธุรกิจปิโตรเคมีเริ่มเข้าสู่ขาลงนั้น นายประเสริฐ ยอมรับว่า ราคาผลิตภัณฑ์บางอย่างได้ปรับตัวลดลงแต่ไม่ใช่ทุกผลิตภัณฑ์ อย่างราคาโอเลฟินส์ก็ยังอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตาม ปตท.ได้กระจายการลงทุนธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ทำให้ได้รับผลกระทบไม่มาก
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--