นักวิเคราะห์ฯ ระบุตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดดัชนีซึมตัวลงตามตลาดต่างประเทศกังวลสหรัฐยกระดับมาตรการควบคุมธุรกิจที่เปิดทางจีนเข้าถึงเทคโนโลยีสหรัฐส่งผลให้มีแรงขายหุ้นกลุ่มเทคฯกดดัน รวมทั้งส่งผลกดดันกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในไทยด้วย แต่เมื่อคืนนี้ราคาน้ำมันฟื้นคาดช่วยให้กลุ่มพลังงานประคองตลาดไว้ได้บ้าง ให้กรอบแนวรับ 1,310 และแนวต้าน 1,325 จุด
นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดดัชนีซึมตัวลงตามตลาดต่างประเทศที่บรรยากาศการลงทุนเป็นลบ โดยมีแรงขายกลุ่มเทคโนโลยีออกมาจากความกังวลสหรัฐจะยกระดับมาตรการควบคุมบริษัทเทคโนโลยีที่อนุญาตให้จีนเข้าถึงเทคโนโลยีสหรัฐ ซึ่งน่าจะส่งผลกดดันกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในไทยด้วย อย่างไรก็ตาม คาดว่าตลาดหุ้นอาจรับแรงกดดันน้อยกว่าภูมิภาค เนื่องจากมีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีไม่มาก
นอกจากนี้ เมื่อคืนราคาน้ำมันฟื้นตัวน่าจะส่งผลบวกต่อกลุ่มพลังงาน หรือกลุ่ม Real sector อื่น ๆ อาจจะพอประคองตลาดไว้ได้บ้าง ขณะที่วันนี้ติดตามการแถลงมติอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป (ECB) คาดว่าจะคงดอกเบี้ย และสัปดาห์หน้ายังมีประเด็นการเมืองที่ต้องติดตาม รวมทั้งการแถลงรายละเอียดโครงการดิจิทัลวอลเล็ตวันที่ 24 ก.ค.
โดยให้กรอบแนวรับ 1,310 และแนวต้าน 1,325 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (17 ก.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 41,198.08 จุด เพิ่มขึ้น 243.60 จุด หรือ +0.59%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,588.27 จุด ลดลง 78.93 จุด หรือ -1.39% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,996.92 จุด ลดลง 512.42 จุด หรือ -2.77%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดที่ระดับ 40,521.71 จุด ลดลง 575.98 จุด หรือ -1.40%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ 17,653.23 จุด ลดลง 86.18 จุด หรือ -0.48% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ 2,951.14 จุด ลดลง 11.72 จุด หรือ -0.39%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (17 ก.ค.) 1,319.79 จุด ลดลง 1.52 จุด (-0.12%) มูลค่าการซื้อขาย 46,557.81 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 707.17 ล้านบาท (17 ก.ค.)
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.(17 ก.ค.) เพิ่มขึ้น 2.09 ดอลลาร์ หรือ 2.59% ปิดที่ 82.85 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (17 ก.ค.) อยู่ที่ 4.07 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 36.00/01 กลับมาอ่อนค่า ให้กรอบวันนี้ 35.85-36.15 ตลาดรอปัจจัยใหม่
- สภาฯ รับหลักการงบฯเพิ่ม 1.22 แสนล้านบ. ทำ "ดิจิทัลวอลเล็ต" ด้าน "จุรินทร์ ปชป." สับโหลยโท่ย "ศิริกัญญา" ชี้เสี่ยงกู้เต็มเพดาน "คลัง" เตือนร้านค้า-ปชช.อย่าตุกติกพยายามแลกเป็น "เงินสด" โดนคดีอาญาแน่
- กองทุนตั้งการ์ด หวั่นผลกระทบต่อเนื่องจากนักลงทุนแห่เทขายกองทุนที่โยง EA บลจ.ไทยพาณิชย์ เร่งคุยลูกค้ามั่นใจสภาพคล่องกองทุนสูง 40% และลงทุนสัดส่วนน้อย สมาคม บลจ. คาดหลังใช้มาตรการหยุดลงทุนเพิ่มและแยกบริหารกองทุนสามารถ "จำกัดและป้องกันได้" เบื้องต้นยังไม่พบลามไป บลจ.อื่น แต่ยังต้องรอติดตามนี้อีก 1-2 สัปดาห์ให้ชัดเจนก่อน ก.ล.ต. ย้ำสถานการณ์โดยรวม ยังไม่ได้รับผลกระทบ
- เครดิตบูโรเผยหนี้ครัวเรือน ดันหนี้เสีย 5 เดือน พุ่ง 1.14 ล้านล้าน 'รถยนต์-บ้าน-บัตรเครดิต' มากสุด ยังไม่รวมหนี้ค้างชำระอีก 6.8 แสนล้าน คาดปี'67 ยอดสินเชื่อรถ-บ้านติดลบ 1-2% ห่วงหนี้เสียบ้านต่ำ 3 ล้านท่วมตลาด แนะผู้ประกอบการลดราคา ฝ่าวิกฤตกู้ไม่ผ่านพุ่ง 40-50%
*หุ้นเด่นวันนี้
- TTB (เมย์แบงก์ฯ) "ซื้อ" เป้าหมายกลยุทธ์ 2.10 บาท กำไรไตรมาส 2/67 คาดโตสูงสุดในกลุ่ม +1%QoQ และ 17% YoY (ดีกว่ากลุ่มธนาคารที่คาด -6%QoQ และ -1%YoY) แรงหนุนหลักจาก NIM สูงขึ้นและสิทธิประโยชน์ทางภาษี ด้านกำไรทั้งปี 67 คาดโต 16%YoY มากกว่ากลุ่มฯที่คาดกำไรโต 6%YoY ช่วยหนุนการจ่ายปันผลคาคาดสูงถึง 7.4% ต่อปี เทียบกับกลุ่มที่จ่าย 7.1% คาดแบ่งจ่ายปันผลช่วง H1/67 ที่ +/-3.5% ผลจากความเสี่ยงการตั้งสำรองปล่อยกู้ EA จำกัด โดยปล่อยสินเชื่อ Short Term Loans เพียง 400-500 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนแค่ 0.04% ของสินเชื่อทั้งหมด ด้านราคาหุ้นเชื่อว่าตอบรับความกังวลไปแล้ว
- TOP (พาย) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 75.00 บาท ไตรมาส 2/67 Singapore GRM ชะลอตัวลง QoQ จากฐานสูง (Q1/67 : 7.3 US$/bbl, 2QTD :3.7 US$/bbl) หลังจากโรงกลั่นในสหรัฐกลับมาเปิดอีกครั้ง คาด Downside เริ่มจำกัดมากขึ้น จากปรับลดกำลังการผลิตของโรงกลั่นในภูมิภาคและสินค้าคงคลังของเบนซินอยู่ในระดับต่ำก่อนเข้าสู่ฤดูการขับรถของสหรัฐ
- AAV (กสิกรไทย) "ซื้อ" ราคาพื้นฐาน 3.00 บาท ได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่าขึ้น คาดแนวโน้มไตรมาส 2/67 แข็งแกร่งแม้โดยปกติเป็นช่วงโลว์ซีซั่นการท่องเที่ยวในประเทศ แต่คาดค่าโดยสารเฉลี่ยยังแข็งแกร่งตามผลการดำเนินงานช่วงสงกรานต์ ขณะที่ผู้บริหารคงเป้าการเติบโตของรายได้ปี 67 ที่ 20-23%