บมจ.ไนซ์ คอล (NCP) กำหนดราคาขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวน 50 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 2.00 บาท P/E 28.14 เท่า เปิดจองซื้อ 19 และ 23-24 ก.ค.67 ระดมทุนเสริมสร้างความแข็งแกร่งและเพิ่มขีดความสามารถการเติบโตแบบก้าวกระโดด เพื่อเป็นจิกซอว์ตัวสุดท้ายของโลกดิจิทัลที่ E-commerce กลายเป็นช่องทางหลักในการจัดจำหน่ายสินค้าและบริการ
นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัทแคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า NCP แต่งตั้งผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม (Joint Lead Underwriters) 2 ราย ประกอบด้วย บล.โกลเบล็ก และบล.บียอนด์ พร้อมแต่งตั้งผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 3 ราย ได้แก่ บล.ฟินันเซีย ไซรัส, บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) และบล.พาย
NCP ประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าผ่านทางโทรศัพท์ (Telesales), ธุรกิจการให้บริการเพิ่มยอดขายสินค้าจากการขายครั้งแรก (Upselling Service) และธุรกิจการให้บริการบริการพนักงานขาย (Dedicated Telesale Outsourcing) จะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 50 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท คาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในหมวดธุรกิจบริการ ภายในเดือน ก.ค.67 ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพธุรกิจและความแข็งแกร่งของฐานะการเงินแก่บริษัท
นายเอกจักร กล่าวว่า NCP เป็นธุรกิจที่สามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด และต่อเนื่องในอนาคตสอดคล้องกับทิศทางเมกะเทรนด์โลก โดยผลประกอบการย้อนหลัง 3 ปี (64-66) บริษัทมีรายได้รวม 191.23 ล้านบาท 181.03 ล้านบาท 173.11 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ 25.56 ล้านบาท 20.22 ล้านบาท และ 12.53 ล้านบาทตามลำดับ
ขณะที่ผลประกอบการงวด 3 เดือนแรกปี 67 บริษัทมีรายได้รวม 45.30 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2.75 ล้านบาท ตามลำดับ
ด้านนายกิตติพันธ์ ภูษณวรรณ กรรมการผู้จัดการอาวุโส บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ราคาเสนอขาย IPO ที่ 2.00 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิ (PE) เท่ากับ 28.14 เท่า นับเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง สอดกล้องกับสภาวะของตลาดในปัจจุบันและอัตราการเติบโตของบริษัทในอนาคต ถือว่ามีความเหมาะสมสำหรับนักลงทุน
นางสาวออมสิน ศิริ ประธานกรรมการบริหาร บล.บียอนด์ กล่าวว่า จุดเด่นของ NCP คือผู้บริหารมีวิสัยทัศน์และประสบการณ์ด้านการขายทางโทรศัพท์มากว่า 20 ปี มีความเข้าใจในธุรกิจอีคอมเมิร์ซอย่างลึกซึ้ง มีพนักงานขายสินค้าทางโทรศัพท์ที่เชี่ยวชาญ มีฐานข้อมูลลูกค้าเป้าหมายของบริษัทมากกว่า 5 ล้านรายชื่อ
รวมถึงมีข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ในการจัดหาบุคลากร ทำให้ลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจให้การยอมรับ โดยปัจจุบัน NCP มีคู่ค้าพันธมิตรมากกว่า 42 ราย มีผลิตภัณฑ์จัดจำหน่ายมากกว่า 57 แบรนด์สินค้า รวม 203 รายการ แบ่งเป็น สินค้าของคู่ค้าพันธมิตร 182 รายการ และสินค้า House Brand ของบริษัท 21 รายการ พร้อมมองว่า อัตราการเติบโตธุรกิจ E-Commerce ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว นับเป็นโอกาสและปัจจัยสนับสนุนให้ธุรกิจ NCP ก้าวกระโคคสู่การเติบโตที่ยั่งยืน
ขณะที่ นายศรัณย์ เวชสุภาพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NCP เปิดเผยว่า เงินที่ได้รับจากการเสนอขายหลักทรัพย์จะนำไปใช้เพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ เช่น การก่อสร้างอาคารสำนักงานแห่งใหม่ 30 ล้านบาทภายในไตรมาส 1/68, สร้างสถานที่ทำงานในเรือนจำ 10 ล้านบาทภายในปี 69, พัฒนาระบบเทคโนโลยีซอฟต์แวร์สำหรับธุรกิจใหม่และพัฒนาระบบเครือข่ายเพื่อรองรับการเพิ่มจำนวนพนักงาน 5 ล้านบาทภายในสิ้นปี 68 และเป็นเงินทุนหมุนเวียน นับเป็นการเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถที่จะช่วยเสริมสร้างการเติบโตของ NCP ให้แข็งแกร่งและยั่งยืน
นอกจากนี้ กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมได้ทำสัญญาเพื่อล็อดหุ้นในสัดส่วนที่เหลือจากการติด Silent period เป็นระยะเวลา 1 ปี โดยงดการเสนอขาย หรือโอนด้วยวิธีการใดๆ นับแต่วันที่หุ้นเริ่มซื้อขายเพื่อแสดงความจริงใจและสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดแก่นักลงทุน
การเข้าจดทะเบียนในตลาด mai ครั้งนี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นตั้งใจในการดำเนินธุรกิจเพื่อมุ่งสู่ผู้นำในธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าผ่านทางโทรศัพท์ (Telesales), ธุรกิจการให้บริการเพิ่มยอดขายสินค้าจากการขายครั้งแรก (Upselling Service) และธุรกิจการให้บริการบริหารพนักงานขาย (Dedicated Telesale Outsourcing) ที่พร้อมรองรับการเติบโตของตลาด E-Commerce อย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น การที่ Telesales สามารถตอบโจทย์การให้บริการในทุกธุรกิจ ช่วยสร้างรายได้และทำกำไรให้กับผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง NCP จึงเปรียบเสมือนเป็นจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายที่เข้าไปสนับสนุน Digital Transformation เพื่อให้การดำเนินธุรกิจและการให้บริการลูกค้าเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
"การเข้าจดทะเบียนในตลาด mai นับเป็นก้าวสำคัญในการต่อยอดธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดย NCP พร้อมมุ่งมั่นขยายธุรกิจทางด้าน Telesales เพื่อเพิ่มมูลค่าให้แก่ผลิตภัณฑ์และการบริการของบริษัท แบบ One Stop Service ที่ครอบคลุมทุกความต้องการให้กับพันธมิตรธุรกิจในทุกมิติ" นายศรัณย์ กล่าว