นักวิเคราะห์ฯ ระบุตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดแกว่งซึมลง Sentiment จากต่างประเทศเป็นลบเล็กน้อย นักลงทุนระมัดระวังก่อนหุ้นเทคโนโลยีใหญ่ของสหรัฐฯแจ้งผลประกอบการ ขณะที่ตลาดบ้านเราถูกกดดันจากความกังวลผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะกลุ่มการเงิน และวันนี้ติดตามการแถลงดิจิทัลวอลเล็ต รวมทั้งศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณาต่อคดีคุณสมบัตินายกฯ ให้กรอบแนวรับแรก 1,300 จุด ถัดไปเป็นจุดต่ำสุดเดิม 1,290 และ 1,280 จุด ส่วนแนวต้าน 1,320 จุด
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดแกว่งซึมลงรับ Sentiment ต่างประเทศเป็นลบเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังก่อนการเปิดเผยผลการดำเนินงานของหุ้นบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ
ขณะที่ตลาดบ้านเราถูกกดดันจากความกังวลผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในระยะข้างหน้า โดยเฉพาะกลุ่มการเงินที่อาจต้องมีการตั้งสำรองเพิ่มตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และความไม่แน่นอนของตลาดหุ้นกู้ที่ผันผวนจากกรณี EA
วันนี้ ติดตามการแถลงรายละเอียดโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งมองว่ายังมีปัญหาอีกหลายจุดที่ต้องติดตามว่าโครงการนี้จะยังสามารถดำเนินตามไทม์ไลน์ได้หรือไม่ ทั้งประเด็นเม็ดเงินที่ใช้ในโครงการที่ยังค้างอยู่ที่สภาฯ ระบบการชำระเงินที่อาจยังไม่พร้อม รวมทั้งวันนี้ศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณาต่อคดีคุณสมบัตินายกรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน
ให้กรอบแนวรับแรก 1,300 จุด หากรับไม่อยู่มีโอกาสลงไปจุดต่ำสุดเดิมที่ 1,290 และ 1,280 จุด และแนวต้าน 1,320 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (23 ก.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 40,358.09 จุด ลดลง 57.35 จุด หรือ -0.14%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,555.74 จุด ลดลง 8.67 จุด หรือ -0.16% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,997.35 จุด ลดลง 10.22 จุด หรือ -0.06%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 39,336.74 จุด ลดลง 257.65 จุด หรือ -0.65% ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดที่ระดับ 2,909.15 จุด ลดลง 6.22 จุด หรือ -0.21% ดัชนีฮั่งเส็งเปิดที่ระดับ 17,454.43 จุด ลดลง 14.93 จุด หรือ -0.08%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (23 ก.ค.) 1,301.54 จุด ลดลง 15.60 จุด (-1.18%) มูลค่าซื้อขายราว 40,340.62 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 142.01 ล้านบาท (23 ก.ค.)
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. (23 ก.ค.) ลดลง 1.44 ดอลลาร์ หรือ 1.84% ปิดที่ 76.96 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (23 ก.ค.) อยู่ที่ 4.21 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 36.10/14 บาท/ดอลลาร์ จับตาดิจิทัลวอลเล็ต-คดีนายกฯ คาดกรอบ 36.08-36.19 บาท/ดอลลาร์
- ครม.ไฟเขียวตรึงค่าไฟ 4.18 บาท ถึงสิ้นปี กำหนดเพดานขายดีเซล 33 บาท ถึง 31 ต.ค. "พีระพันธุ์" มั่นใจกองทุนน้ำมันยังรับไหว พร้อมหารือ "คลัง" ลดภาษีดีเซลช่วยเหลือเพิ่ม ครม.ถก เร่งพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา เพิ่มแหล่งก๊าซ กดค่าไฟต่ำกว่า 4 บาท "พลังงาน" ห่วง ภาระดอกเบี้ยกองทุนน้ำมันจากยอดกู้ 1 แสนล้าน ระบุต้องเริ่มจ่ายเงินต้นให้แบงก์ พ.ย.นี้ เผยบัญชีกองทุนติดลบ 1.1 แสนล้านบาท
- เช็กความพร้อมดิจิทัลวอลเล็ต "พิชัย" แถลงใหญ่วันนี้ลงทะเบียนประชาชน 1 ส.ค. พบงบประมาณโครงการยังไม่แน่นอนทั้งงบปี 67-68 ค้างในสภาฯ 4 แสนล้านบาท มีเงินในมือรัฐบาลขณะนี้แค่ 4.3 หมื่นล้าน จากงบกลาง "ดีจีเอ" ยังไม่ประมูลระบบชำระเงิน "ภูมิธรรม" มั่นใจแจกเงินดิจิทัล ต.ค.นี้ เผยสินค้าและร้านค้าที่เข้าร่วมมีจำนวนมาก ดันร้านค้าธงฟ้าเข้าร่วม 1.5 แสนร้านค้า 7-11 เข้าร่วมโครงการได้
- "ไทยบีเอ็มเอ" เกาะติด"6 บิ๊กบจ." คงแผนออกหุ้นกู้ทดแทนครบกำหนดครึ่งปีหลัง ลุ้นยอดออกใหม่ปีนี้เป้า 1 ล้านล้าน ชี้เฟดเริ่มลดดอกเบี้ยหนุนตลาดคึกคัก เหตุนักลงทุนมีบทเรียนช่วงที่ผ่านมาระวังมากขึ้น เผย "กลุ่มอินเวสเมนต์เกรด" ยังขายหมด แต่ใช้เวลานานขึ้นอีก 1-2 วัน เดิมหมดภายในวันแรก ส่วนไฮยีลด์ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกันบริษัทแข็งแกร่ง
*หุ้นเด่นวันนี้
- AAV (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ" ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 3.30 บาท คาดกำไรก่อนภาษีไตรมาส 2/67 ที่ 359 ลบ. เป็นไตรมาส 2 ที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ Q2/60 หนุนจาก Load Factor และราคาตั๋วที่แข็งแกร่ง ขณะที่ราคาน้ำมันเจ็ทปรับตัวลงจากไตรมาสก่อน แต่คาดจะบันทึก FX loss ราว 300 ลบ.จึงคาดกำไรสุทธิจะออกมาที่ 53 ลบ.โมเมนตัมกำไรไตรมาส 3-4 คาดเร่งขึ้นต่อเนื่องจากปัจจัยฤดูกาลหนุนจำนวนนักท่องเที่ยวเร่งตัว ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติปีนี้ขึ้น 8% เป็น 2.4 พันลบ. +21x y-y จากแนวโน้ม H1/67 ที่ดีกว่าที่ประเมินและคาด H2/67 เร่งตัว h-h
- CPALL (เมย์แบงก์) เป้าเชิงกลยุทธ์ 78.00 บาท คาดไตรมาส 2/67 กำไร 5.74 พันล้านบาท โต 7.9%YoY แรงหนุนจาก SSSG ที่ +4%YoY หนุนจากสภาพอากาศร้อนและการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงการขยายสาขา 700 สาขา YoY ทำให้สิ้น มิ.ย.67 มีสาขา 14,915 สาขา ด้าน GPM เพิ่มขึ้น 20 bps YoY มาที่ 20.2% จากสัดส่วนสินค้า High GPM ขายดี เช่น อาหารพร้อมทาน เครื่องดื่ม และ personal care ขณะที่ SG&A ต่อยอดขายลดลงเหลือ 19.5% จาก 19.8% ใน Q2/66 จากค่าใช้จ่ายไฟฟ้าและค่าใช้จ่ายทางการเงินลดลงจากรีไฟแนนซ์สินเชื่อ Lotus เห็น Upside กำไรจากลูกค้าและ GPM ที่ดีขึ้น หุ้นซื้อขายไม่แพงบน PER67E เพียง 22.6 เท่า ต่ำค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี -1.7 S,D
- CKP (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 4.6 บาท คาดผลงาน Q2/67 โตแรงทั้ง QoQและ YoY โดยพลิกกำไรราว 70 ลบ.เทียบจากขาดทุน 461 ลบ.ในไตรมาส 1/67 และกำไรต่ำที่เพียง 2 ลบ.เมื่อไตรมาส 2/66 จากปริมาณฝนที่ตกลงมามากขึ้น และมองไปข้างหน้าเชื่อกำไรยังแข็งแกร่งต่อในช่วง H2/67 หลังมีโอกาสสูงที่ตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังนี้จะเกิดปรากฎการณ์ลานีญา ราคาหุ้นยังไม่แพง ขณะที่คาดผลประกอบการเติบโตสูง 30% กว่าปีนี้ และอีกกว่า 20% ในปีหน้า