ทริสเรทติ้ง มอง GULF ควบรวม INTUCH ไม่กระทบอันดับเครดิตองค์กร A+

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 24, 2024 12:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ทริสเรทติ้งมีมุมมองว่าการควบรวมกิจการระหว่าง บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) และบมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตของบริษัท

บริษัทและ INTUCH ตกลงที่จะควบรวมกิจการและจัดตั้งบริษัทใหม่ (NewCo) โดย NewCo จะได้ไปทั้งสินทรัพย์และหนี้สินทั้ง หมดของทั้งสองบริษัท ซึ่งก่อนการควบรวมกิจการ ทั้งสองบริษัทรวมถึงผู้ถือหุ้นใหญ่จะทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) และ บมจ.ไทยคม (THCOM) โดยสมัครใจ ทั้งนี้การควบรวมกิจการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อลดความซับซ้อนในการถือหุ้นของกลุ่มบริษัทและทำให้การดำเนินกลยุทธ์ทางธุรกิจมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ทริสเรทติ้งคาดว่า NewCo จะยังดำเนินธุรกิจในปัจจุบันของกลุ่มต่อไป ซึ่งประกอบด้วยการผลิตไฟฟ้าและการให้บริการสื่อสารโทรคมนาคม ในขณะที่โอกาสในการลงทุนต่าง ๆ ทั้งการขยายสินทรัพย์การลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าต่างๆ ตลอดจนการขยายไปสู่ธุรกจิดิจทัลก็น่าจะยังดำเนินต่อไป ดังนั้น ทริสเรทติ้งจึงเห็นว่ายังไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีสาระสำคัญต่อสถานะทางธุรกิจของกลุ่มบริษัทหลังการควบรวมกิจการภายใต้ NewCo

อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งมองว่า NewCo จะได้ประโยชน์จากสถานะทางการเงินที่เข้มแข็งขึ้น โดยการควบรวมกิจการจะช่วยให้NewCo สามารถรับรู้ผลตอบแทนจาก ADVANC ได้โดยตรง ซึ่งจะทำให้ได้รับเงินปันผลเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากที่บริษัทได้รับจาก INTUCH ในขณะที่ไม่มีภาระหนี้สินเพิ่มเติม ทริสเรทติ้งยังคาดด้วยว่าจะไม่มีผู้ถือหุ้นในปัจจุบันของ ADVANC และ THCOM ขายหุ้นในจำนวนที่มากนัก ดังนั้น การทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดดังกล่าวจึงไม่น่าจะสร้างภาระหนี้ให้แก่บริษัทและ NewCo มากจนเกินไป นอกจากนี้ NewCo ก็ไม่น่าจะต้องรวม ADVANC เข้ามาในงบการเงินรวม ในการนี้ แม้ตัวชี้วัดเครดิตต่างๆ ของ NewCo จะปรับตัวดีขึ้นแต่ทริสเรทติ้งก็คาดว่าน่าจะยังอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับอันดับเครดิตปัจจุบันของบริษัท ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่า NewCo อาจจะมีโอกาสในการลงทุนใหม่ ๆ เพิ่มเติมในอนาคต

บริษัทจะเริ่มกระบวนการควบรวมกิจการหลังจากได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทในวันที่ 3 ตุลาคม 2567 และ คาดว่าการควบรวมจะแลว้เสร็จในช่วงไตรมาสที่ 2/68 ซึ่งเมื่อธุรกรรมดังกล่าวใกล้จะแล้วเสร็จ ทริสเรทติ้งจะพิจารณาผลกระทบต่ออันดับเครดิตอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยขณะนี้ยังจำเป็นต้องรอรายละเอียดต่าง ๆ ทั้งโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัท ทิศทางของธุรกิจหลังการควบรวมกิจการ รายจ่ายด้านการลงทุนในอนาคต ตลอดจนภาระหนี้สิน ที่อาจเกิดขึ้นจากการทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญดังกล่าว

ณ ปัจจุบัน ทริสเรทติ้งยังคงอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทที่ระดับ "A+" และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ของบริษัทที่ระดับ "A" ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่"


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ