นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) เปิดเผยว่า บริษัทสามารถปิดดีลขายคอนโดมิเนียมโซน BTS สายสีเขียวฝั่งสมุทรปราการแบบบิ๊กล็อตจำนวน 2 โครงการ 415 ยูนิต มูลค่ารวมกว่า 1,023 ล้านบาท ให้แก่ บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) (DELTA)
โครงการที่ขายบิ๊กล็อตในครั้งนี้ ประกอบด้วย 1.ไนท์บริดจ์ สุขุมวิท-เทพารักษ์ (Knightsbridge Sukhumvit-Thepharak) โครงการคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ พร้อมอยู่ จำนวน 137 ยูนิต มูลค่ารวม 368 ล้านบาท และ 2.ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ สายลวด สเตชั่น (Origin Plug & Play Sailuat Station) โครงการคอนโดมิเนียมเลี้ยงสัตว์ได้แห่งเดียวในสมุทรปราการ ที่มาพร้อมกับฟังก์ชันห้องเพดานสูง จำนวน 278 ยูนิต มูลค่า 655 ล้านบาท
"นี่เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการเดินหน้าธุรกิจในรูปแบบใหม่ๆ เราไม่ได้จำกัดแค่การขายคอนโดให้แก่ผู้อยู่อาศัยเองทั่วไป แต่เรามองตลาดให้กว้างขึ้น ด้วยการขายคอนโดให้แก่บริษัทที่มีความมั่นคง มีฐานการผลิตในประเทศไทย และต้องการที่อยู่อาศัยให้พนักงานจำนวนมาก ดีลนี้สะท้อนถึงความไว้วางใจของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างเดลต้าที่มีต่อเครือออริจิ้น และสะท้อนถึงโอกาสของเราต่อตลาดที่อยู่อาศัยติดรถไฟฟ้าใกล้แหล่งงาน" นายพีระพงศ์ กล่าว
บริษัทได้รับเงินจากดีลนี้มาแล้วกว่า 80% แบ่งเป็น ยอดโอนกรรมสิทธิ์จากโครงการพร้อมอยู่ไนท์บริดจ์ สุขุมวิท-เทพารักษ์ และเงินรับล่วงหน้าโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ สายลวด สเตชั่น ก่อนที่โครงการจะก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 1/68 เพื่อเป็นสวัสดิการให้กลุ่ม Expat ของ DELTA ที่เข้ามาประจำการทำงานระยะสั้น-กลางในไทย
นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า โมเดลการขายแบบบิ๊กล็อตนั้น ถือว่าช่วยสร้างทั้งยอดขายและยอดโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่บริษัทได้อย่างรวดเร็ว เช่น กรณีโครงการออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ สายลวด สเตชั่น นั้น ยอดขายแบบบิ๊กล็อตคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 25% ของมูลค่าโครงการทั้งหมด และยังช่วยให้บริษัทได้รับยอดโอนกรรมสิทธิ์เข้ามารวดเร็วกว่าการขายในรูปแบบปกติ ส่งผลดีต่อการบริหารจัดการสภาพคล่อง ช่วยให้รอบของการใช้เงินทุนสั้นลง
ที่ผ่านมา นอกเหนือจากการพัฒนาสินค้าให้มีฟังก์ชันใหม่ๆ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยของผู้บริโภค อาทิ ห้องเพดานสูง 4.2 เมตร ฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยของทั้งคนและสัตว์เลี้ยง บริษัทยังมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมทางการตลาดใหม่ๆ ควบคู่กันไปอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทมีโมเดลการขายสินค้ากับทั้งกลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง กลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพื่อลงทุนระยะยาวภายใต้ Origin Investment Property Program ตลอดจนกลุ่มลูกค้าต่างชาติ การเปิดตลาดกลุ่มลูกค้าแบบ B2B ที่ซื้อสินค้าแบบบิ๊กล็อต จะเป็นอีกหนึ่งโมเดลที่บริษัทเดินหน้าเพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าบริษัทที่ต้องการที่พักที่มีฟังก์ชันการอยู่อาศัยครบวงจร
"เรายังมีโครงการคอนโดมิเนียมที่สามารถตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าแบบ B2B ได้อีกหลายแห่ง ทั้งในแถบ BTS สายสีเขียวฝั่งสมุทรปราการ ซึ่งใกล้แหล่งภาคการผลิตและโลจิสติกส์ แถบเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ใกล้นิคมอุตสาหกรรม พร้อมตอบโจทย์หลากหลายกลุ่มธุรกิจและอุตสาหกรรม" นายพีระพงศ์ กล่าว