นายฉาย บุนนาค รักษาการประธานกรรมการบริหาร บมจ.อควา คอร์เปอเรชั่น (AQUA) ประกาศความความร่วมมือของ 3 พันธมิตร คือ AQUA กลุ่มบุญรอดบริวเวอรี่ และ เบียร์ ใบหยก เป็นการสร้างธุรกิจ New S-Curve ทำให้ความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้น และสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับ AQUA
ทั้ง 3 ฝ่ายจะร่วมจัดตั้ง บริษัท เอฟเอบี ฟู้ดโฮดิ้ง จำกัด (FAB) ด้วยทุนจดทะเบียน 2,500 ล้านบาท ซึ่ง AQUA ลงทุน 1,275 ล้านบาท ถือหุ้นในสัดส่วน 51% คาดว่าจะจัดตั้งบริษัทร่วมทุนแล้วเสร็จภายในเดือน ต.ค.67
FAB ได้รวม 8 แบรนด์อาหารดัง ได้แก่ Santa Fe, Santa Fe Easy, เหม็ง แซ็ปนัว, Sekai no Yamachan, ส้มตำเจ๊แดง สามย่าน, ราเมงเดส, อิคโคฉะ ราเมน และ อุชิดายะ ราเมน มาไว้ภายใต้ร่มคันเดียวกัน ด้วยทั้ง 3 พาร์ทเนอร์ต่างมีเป้าหมายเดียวกันและมีความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจอาหารเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เรามองว่าการทำ Synergy ร่วมกันในครั้งนี้จะผลักดันให้กลุ่ม AQUA ในฐานะ Investment Company สามารถสร้างแหล่งรายได้จากประเภทธุรกิจอาหารได้มากขึ้น
"FAB เป็นส่วนผสมที่ลงตัว ถ้าเทียบกับอาหารจานหนึ่งแล้ว ผมคอนเฟิร์มว่าจะต้องเป็นเมนูที่อร่อย จัดจ้าน ทานได้ไม่เบื่อ และได้การการันตีรางวัลจากนักทานอย่างแน่นอน"นายฉาย กล่าว
นายปิยะเลิศ ใบหยก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร FAB กล่าวว่า กลุ่มเป้าหมายหลักของ FAB จะเน้นที่กลุ่ม Young generation ซึ่งถือเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีอิทธิพลมากที่สุดในตลาดปัจจุบัน เพราะมีการตัดสินใจที่เฉียบขาด กล้าที่จะใช้จ่ายกับสินค้าและการบริการที่คิดว่าตอบโจทย์ความต้องการของตัวเอง และในขณะเดียวกันก็คงรักษาฐานลูกค้าเก่าไว้ด้วย เราพยายามหาจุดเด่นของตัวเอง เพื่อเจาะเข้าถึงตัวลูกค้าได้และต้องเป็นผู้นำทุกเทรนด์ ที่สำคัญคือความจริงใจต้องมาก่อน เราจึงจะสามารถครองใจผู้บริโภคได้
นายชัยพิพัฒน์ แก้วไตรรัตน์ กรรมการผู้จัดการ AQUA กล่าวว่า บริษัทจะรับรู้รายได้จากธุรกิจอาหารของ FAB ในไตรมาส 4/67 หนุนรายได้รวมของบริษัทในปี 67 แตะ 1,000 ล้านบาท ขณะที่บริษัทมั่นใจว่าการลงทุนในธุรกิจอาหารครั้งนี้จะไม่กระทบงบการเงินในปี 67
ปัจจุบันสัดส่วนรายได้หลักของ AQUA มาจากการบริหารธุรกิจการลงทุนต่าง ๆ อาทิ คลังสินค้าและการขนส่ง ซึ่งในปีนี้คาดว่าสัดส่วนรายได้อาจยังไม่เปลี่ยนแปลงมาก แต่ปี 68 สัดส่วนรายได้ธุรกิจอาหารจะเพิ่มมาที่ 60-70% ธุรกิจคลังสินค้า 15% และธุรกิจโลจิสติกส์ 15%
AQUA วางเป้าหมายรายได้รวมปี 68 เพิ่มขึ้นเท่าตัวเป็น 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากธุรกิจอาหาร FAB 1,600-1,700 บาท โดยมีแผนที่จะดึงร้านอาหารอื่น ๆ เข้ามาภายใต้แบรนด์เพิ่มเติมอีกจากปัจจุบันมีร้านค้าภายใต้แบรนด์ 204 สาขาคาดว่าจะเพิ่มเป็น 250 สาขาในปี 68 นอกจากนี้คาดว่าจะไม่มีการลงทุนเพิ่มอีกแต่เป็นการขยายธุรกิจที่มีอยู่ให้ประสบความสำเร็จ
นายชัยพิพัฒน์ กล่าวว่า บริษัทมีแผนจะออกหุ้นกู้ล็อตใหม่มูลค่า 600 ล้านบาทในเดือน ส.ค. อายุ 2 ปี 9 เดือน ซึ่งปัจจุบันได้มีการยื่นไฟลิ่งอยู่ระหว่างรออนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) คาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ราว 7-7.25% หลังจากล่าสุดบริษัทได้มีการชำระคืนหนี้หุ้นกู้ชุดเดิมมูลค่า 629 ล้านบาทครบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตอกย้ำสถานะการเงินแข็งแกร่ง
นายภูริต ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด กล่าวว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบุญรอดฯ ตลอดระยะเวลากว่า 90 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในด้านธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม คือ "คุณภาพ" ต้องดีที่สุดเท่านั้น เพื่อส่งมอบสินค้าคุณภาพให้แก่ผู้บริโภค
บริษัทฯมองเห็นโอกาสในการพัฒนายกระดับสินค้าและบริการในกลุ่มร้านอาหาร ภายใต้บริษัท ฟู้ด แฟคเตอร์ จำกัด ให้ดียิ่งกว่าเดิม จึงร่วมมือกับ AQUA และนายปิยะเลิศ หรือเบียร์ ใบหยก ซึ่งเป็นทั้งรองประธานกลุ่มใบหยก และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท บีเอ็นเอฟ โฮดิ้ง จำกัด โดยจะนำความถนัดและจุดแข็งของแต่ละฝ่ายมาผนึกกำลังกัน เพื่อส่งมอบสินค้าและบริการ รวมถึงประสบการณ์ที่ดี ให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์สูงสุด นั่นเป็นที่มาของความร่วมมือในครั้งนี้"
นายวรภัทร ชวนะนิกุล Chief Financial Officer บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด และกรรมการ บริษัท ฟู้ด แฟคเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันฟู้ด แฟคเตอร์ มีร้านอาหาร 3 แบรนด์หลัก ที่ให้บริการมายาวนานจนได้รับความนิยมจากผู้บริโภค ได้แก่ ซานตาเฟ่, ซานตาเฟ่ อีซี่ และเหม็ง แซ็ปนัว ซึ่งแต่ละแบรนด์มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเฉพาะ โดยมีความเชี่ยวชาญอาหารตะวันตกอย่างสเต๊กและอาหารอีสานซึ่งมีตลาดที่ชัดเจนอยู่แล้ว การรวมกันในครั้งนี้จะช่วยต่อยอดการพัฒนาให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุมมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยยังคงรักษาหัวใจสำคัญในด้านคุณภาพของวัตถุดิบ และรสชาติความอร่อยที่เป็นเอกลักษณ์