(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าพักตัวรับ Sentiment ลบต่างประเทศ สถาบันขายต่อเนื่องกดดัชนี

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday July 25, 2024 09:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีพักตัว รับแรงกดดันจากบรรยากาศการลงทุนภายนอก ซึ่งตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลงค่อนข้างแรง เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน รวมทั้งตัวเลขเศรษฐกิจ อาทิ ยอดขายบ้านใหม่ และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ที่ต่ำกว่าคาด ปัจจัยดังกล่าวส่ง Sentiment ลบมายังตลาดหุ้นไทย

ขณะที่ปัจจัยในประเทศระยะสั้น ยังไม่เห็นปัจจัยบวกหนุนดัชนี โดยนักลงทุนเลือกเก็งกำไรตามผลประกอบการของหุ้นรายตัว ขณะที่ทิศทาง Flow มีสัญญาณความขัดแย้งกัน ระหว่างนักลงทุนต่างชาติที่ซื้อสุทธิต่อเนื่องแต่สวนทางกับสถาบันในประเทศขายสุทธิต่อเนื่อง ทำให้ภาพของตลาดอยู่ในภาวะที่พักต่อ

สำหรับการแถลงโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเมื่อวานนี้ มีมุมมองเป็นกลาง เนื่องจากมีรายละเอียดเพิ่มเติมเพียงแค่การลงทะเบียน ขณะที่รายละเอียดอื่น ๆ อาทิ คุณสมบติ แหล่งที่มาของเงิน ไม่ได้ต่างจากเดิมมาก

พร้อมทั้งให้กรอบแนวรับ 1,290 จุด และแนวต้าน 1,300-1,310 จุด

*ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (24 ก.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 39,853.87 จุด ลดลง 504.22 จุด หรือ -1.25%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,427.13 จุด ลดลง 128.61 จุด หรือ -2.31% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,342.41 จุด ลดลง 654.94 จุด หรือ -3.64%
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 38,524.20 จุด ลดลง 630.65 จุด หรือ -1.61%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ 17,260.83 จุด ลดลง 50.22 จุด หรือ -0.29% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ 2,891.89 จุด ลดลง 10.06 จุด หรือ -0.34%
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (24 ก.ค.) 1,298.08 จุด ลดลง 3.46 จุด (-0.27%) มูลค่าซื้อขาย 29,631.37 ล้านบาท
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 416.77 ล้านบาท (24 ก.ค.)
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. (24 ก.ค.) เพิ่มขึ้น 63 เซนต์ หรือ 0.82% ปิดที่ 77.59 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (24 ก.ค.) อยู่ที่ 4.78 เหรียญ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 36.12 แข็งค่าเล็กน้อย ตลาดรอปัจจัยใหม่หนุนทิศทาง จับตาตัวเลขส่งออก-งบบจ.
  • รมว.คลัง เปิดเผยระหว่างการแถลงโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตว่ารัฐบาลมีกระสุนทางการคลังเหลือไม่มาก โดยหนี้สาธารณะของไทยอยู่ที่ 12 ล้านล้านบาท หรือ 64.29% ของจีดีพี ขณะที่ระดับการก่อหนี้สาธารณะตามกรอบเพดานการก่อหนี้อยู่ที่ไม่เกิน 14 ล้านล้านบาท หรือไม่เกิน 70% ของจีดีพี ซึ่งหมายความว่า เราสามารถก่อหนี้ได้อีกไม่เกิน 2 ล้านล้านบาท ดังนั้น รัฐบาลจึงมีความจำเป็นต้องดำเนินมาตรการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท เพื่อเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม
  • "สุริยะ" พร้อมรับฟังเสียงประชาชน ยังไม่ฟันธง "ขยาย สัมปทาน" ดอนเมืองโทลล์เวย์แลกปรับขึ้นค่าผ่านทาง คาด ทล.เฟ้นแนวทางเจรจาชงคมนาคม ก.ย.นี้ ชี้ต้องพิจารณาให้ดีที่สุด ไม่เกิดข้อครหาเอื้อเอกชน
  • รมว.พลังงาน เผยปัญหาโครงสร้างราคาพลังงานของไทย เกิดจากกฎหมายที่กระทรวงพลังงานไม่มีอำนาจในการบริหารจัดการอย่างเต็มที่ กฎหมายที่มีอยู่อย่าง พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ไม่เพียงพอในการบริหารราคาน้ำมันที่เป็นธรรมกับประชาชน อาทิ ประเด็นภาษีที่ประชาชนโดนเรียกเก็บซับซ้อน ทั้งภาษีสรรพสามิต ภาษีท้องถิ่น ขณะที่เนื้อน้ำมันราคาต้นทุนจริงอยู่ที่ระดับ 21 บาทต่อลิตรเท่านั้น ดังนั้นกระทรวงพลังงานจึงร่างกฎหมายฉบับใหม่เพื่อเข้ามา บริหารจัดการโครงสร้างราคาน้ำมันทั้งระบบ ซึ่งปัจจุบันกฎหมายเสร็จแล้ว รอเสนอเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร คาดว่ากฎหมายฉบับนี้จะสามารถบังคับใช้ได้หลังปีใหม่

*หุ้นเด่นวันนี้

  • บมจ.ฟู้ดโมเม้นท์ (FM) เตรียมพร้อมนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ (SET) ในวันที่ 25 ก.ค.นี้ หลังกำหนดขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ที่ 5.40 บาท/หุ้น จำนวนเสนอขาย 376 ล้านหุ้น บริษัทได้วางแผนการเติบโตใน 3 ปีข้างหน้า โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากไก่แปรรูปซึ่งเป็นสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงเป็น 60% ของรายได้รวมจากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 38% รวมทั้งขยายรายได้จากการส่งออกเป็น 65% จากปัจจุบันอยู่ที่ 53% ของรายได้รวม โดยในปี 67 บริษัทจะมุ่งขยายไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) และในปี 68 ขยายไปยังฟิลิปปินส์และซาอุดิอาระเบียต่อไป
  • CPALL (กสิกรไทย) "ซื้อ" ราคาพื้นฐาน 79.20 บาท คาดได้ประโยชน์จากดิจิทัลวอลเล็ตที่มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น คาดกำไรไตรมาส 2/67 จะอยู่ที่ 6.0 พันลบ. เพิ่มขึ้น 35% YoY จาก SSSG ที่สูงขึ้นและ GPM ที่กว้างขึ้น แต่อ่อนตัวลง 5% QoQ จากส่วนแบ่งกำไรที่ลดลงจาก CPAXT เป็นหลักคาดกำไรไตรมาส 3/67 มีแนวโน้มเติบโต YoY จาก SSSG ที่เป็นบวก และอัตรากำไรขั้นต้นที่แข็งแกร่งจากส่วนผสมผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้น แต่ยอดขายมีแนวโน้มหดตัวลง QoQ ในช่วงโลว์ซีซั่น
  • THCOM (คิงฟอร์ด) ประเมินการดำเนินงานปกติในช่วง 2Q67 เริ่มเห็นการฟื้นตัว QoQ จากการรับรู้รายได้ธุรกิจให้บริการโทรศัพท์ในลาว(LTC)ได้เต็มไตรมาส ส่วนภาพรวมครึ่งปีหลังคาดมีความชัดเจนในแง่ลูกค้าใหม่ๆ(อินเดีย) มากขึ้น ส่วนการดำเนินงานระยะกลาง-ยาวคาดยังจะมีปัจจัยบวกจาก 1.การส่งดาวเทียมใหม่ๆขึ้นวงโคจร โดยคาด 9A ขึ้นใน 1H68/ ไทยคม 9 ใน 2H68 /ไทยคม 10 ใน 3Q70 และ 2.ธุรกิจ Carbon credit (จับมือกับ แม่ฟ้าหลวง) โดยการวัด Carbon credit ปกติจะทำทุก ๆ 3 ปีคาดว่าจะคิดค่าประเมินไร่ละ 50-100 บาท ให้คำแนะน "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 17 บาท
  • BTG (ไอร่า) จากคาดการณ์ผลประกอบการ 2Q67 มีโอกาสพลิกกลับขึ้นมามีกำไรอีกครั้ง จากราคาเนื้อสุกรที่ปรับตัวขึ้นในช่วง 2Q67 ที่ผ่านมาจากปัญหาการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนผ่อนคลายลง ขณะที่ช่วง 2H67 คาดผลประกอบการยังสามารถฟื้นตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง อีกทั้งราคาสุกรในภูมิภาคมีราคาสูงขึ้น รวมทั้งสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติเร่งผลักดันแผนขึ้นราคาสุกรหน้าฟาร์มโดยการตัดวงจรลูกสุกรในระบบในช่วง 1H67 คาดจะหนุนทิศทางราคาสุกรในประเทศปรับตัวขึ้นได้ต่อ กลยุทธ์เป็นการ "ซื้อสะสม" ราคาเป้าหมาย 25.50 บาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ