SCC หั่นเป้ารายได้ปี 67 เหลือโตแค่ 10% รับผลปิโตรคอมเพล็กซ์เวียดนามล่าช้า-เศรษฐกิจไม่ดีอย่างคาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday July 25, 2024 16:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

SCC หั่นเป้ารายได้ปี 67 เหลือโตแค่ 10% รับผลปิโตรคอมเพล็กซ์เวียดนามล่าช้า-เศรษฐกิจไม่ดีอย่างคาด

นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปูนซีเมนต์ไทย (SCC) กล่าวว่าบริษัทปรับเป้าหมายรายได้ปี 67 จากเดิมคาดว่าโต 20% จากปีก่อน ปรับลดลงเหลือโต 10% เนื่องจากโครงการ ลองเชิน ปิโตรเคมิคอลส์ (Long Son Petrochenicals - LSP) เลื่อนเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) จากไตรมาส 3/67 ไปเป็นไตรมาส 4/67 นอกจากนี้ ภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังที่ยังไม่ดีเหมือนที่คาดการณ์ รวมทั้งยังได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าที่มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น

"เศรษฐกิจตอนนี้ต้องระวัง ทั้งเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่รุนแรง กระทบไทยด้วย ตอนนี้สินค้าราคาถูกต่าง ๆ เข้ามาในตลาดเราจำนวนมาก รวมทั้งปัญหาหนี้ครัวเรือน กำลังซื้อกลุ่มกลางถึงล่างลดลง บริษัทจึงต้องปรับตัวเองแก้ปัญหาให้ตอบโจทย์"นายธรรมศักดิ์ กล่าว

ประกอบกับธุรกิจของ บมจ.เอสซีจี เคมิคอลส์ (SCGC) ที่อ่อนตัวตามดีมานด์ที่ลดลง สวนทางกับกำลังการผลิตใหม่เข้ามากขึ้นจากจีน ซึ่งในอดีตเป็นผู้นำเข้าปิโตรเคมีขนาดใหญ่ ส่งผลให้เกิด Oversupply ในตลาด โดยคาดว่าในช่วงครึ่งหลังคาดว่าธุรกิจเคมีจะยังทรงตัว โดยเฉพาะในไตรมาส 3/67 ที่จะมีกำลังการผลิตจากจีนเข้ามาจำนวนมาก ประกอบกับ ต้นทุนราคาน้ำมันไม่ลดลงจากความไม่แน่นอนในตลาดโลก กดดันการดำเนินงาน อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์และดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวังมากขึ้น

บริษัทยังคงแผนเสนอขายหุ้นกู้ล็อตใหม่มูลค่า 30,000 ล้านบาท อันดับเครดิต A ในเดือน ต.ค. วัตถุประสงค์เพื่อชำระหนี้หุ้นกู้ชุดเดิมที่จะครบกำหนดในเดือน พ.ย. มูลค่า 25,000 ล้านบาท และส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2/67 แม้จะปรับตัวลดลงมากจากช่วงเดียวกนของปีก่อน แต่ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นของ SCGC กำลังซื้อในตลาดอาเซียนดีขึ้น โดยเฉพาะเวียดนามและอินโดนีเซีย รวมทั้งมีรายได้เงินปันผลรับจากการลงทุนในธุรกิจอื่น ส่งผลให้ SCC มีรายได้ 128,195 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาสก่อน กำไรสำหรับงวด 3,708 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53% จากไตรมาสก่อน

ขณะที่ครึ่งแรกของปี 67 มีรายได้ 252,461 ล้านบาทใกล้เคียงกับปีก่อน โดยมีสัดส่วนยอดขายจาก SCGC 39% SCGP 27% เอสซีจี ซีเมนต์ แอนด์ กรีนโซลูชัน 16% เอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง และ เอสซีจี ดิสทริบิวชั่น แอนด์ รีเทล 13% และ บมจ.เอสซีจี เดคคอร์ (SCGD) 5%

แม้บริษัทได้รับผลกระทบจากวัฏจักรปิโตรเคมีโลกยังอยู่ในช่วงขาลง ความตึงเครียดจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ตลาดแข่งขันสูงจากสินค้านำเข้าจากจีน เศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัวช้าจากกำลังซื้อที่อ่อนแอในกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลาง-น้อย SCC เร่งเพิ่มความฟิตทางธุรกิจ สร้างความยืดหยุ่นในการดำเนินงานด้วย

1.) บริหารต้นทุนพลังงาน อาทิ ธุรกิจซีเมนต์ในไทยเพิ่มการใช้เชื้อเพลิงทดแทนได้ 47%

2.) โฟกัสธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโต เช่น มุ่งธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ครบวงจรสำหรับตลาดที่อยู่อาศัยโรงงานและนิคมอุตสาหกรรม และหยุดดำเนินการธุรกิจที่ไม่สร้างการเติบโตซึ่งที่ผ่านมามีธุรกิจที่หยุดดำเนินการแล้ว อาทิ SCG Express และ ธุรกิจ Green Struction Solution บาง Segment

3.) ปรับปรุงการจัดเก็บ ขนส่ง กระจายสินค้า เช่น ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลวางแผนการจัดส่ง ตรวจรับ สินค้า ช่วยลดเวลาทำงาน ลดความเสียหาย ลดโอกาสผิดพลาดในการรับ-ส่ง

4.) ประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต โดยเอสซีจี เคมิคอลส์ใช้โซลูชัน AI จาก REPCO NEX ในการดูแลเครื่องจักรและซ่อมบำรุงได้อย่างแม่นยำ มีเสถียรภาพ (Reliability) ถึงร้อยละ 100

5.) มุ่งส่งมอบโซลูชันที่ฟังก์ชันและราคาตรงกับความต้องการของลูกค้า อาทิ CPAC รถไม่เล็ก ขนาดกะทัดรัด สำหรับงานก่อสร้างในเมืองที่มีซอยเล็ก บรรทุกคอนกรีตได้มากสุด 2 คิวต่อเที่ยว ช่วยบริหารปริมาณการใช้ปูนซีเมนต์ได้ง่าย ลดการเหลือทิ้ง

ในครึ่งปีแรกของปี 2567 การพัฒนาสินค้าใหม่ (New Products Development - NPD) มียอดขาย 38,690 ล้านบาท คิดเป็น 20% ของยอดขายรวม ขณะที่นวัตกรรมสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม (High-Value Added Products & Services - HVA) มียอดขาย 77,037 ล้านบาท คิดเป็น 39% ของยอดขายรวม และสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม SCG Green Choice มียอดขาย 136,124 ล้านบาท คิดเป็น 54% ของยอดขายรวม

ส่วนธุรกิจในต่างประเทศ รวมส่งออกจากไทย ครึ่งแรกของปี 67 มียอดขาย 111,367 ล้านบาท คิดเป็น 44% ของยอดขายรวม

นายธรรมศักดิ์ กล่าวว่า ครึ่งหลังของปี 67 ภาพรวมเศรษฐกิจยังมีความท้าทายต่อเนื่อง แต่ SCC พร้อมรับมือด้วยความคล่องตัวและมั่นคง มีเงินสดและเงินสดภายใต้การบริหาร 78,907 ล้านบาท รวมทั้งนวัตกรรมโซลูชั่นตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าครบวงจร ขณะที่ในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทใช้งบลงทุนไป 1.7-1.8 หมื่นล้านบาท จากงบลงทุนปี 67 ที่ตั้งไว้ที่ 4 หมื่นล้านบาท

  • กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับซีเมนต์และการก่อสร้าง ได้รับอานิสงส์จากเศรษฐกิจของเวียดนามและอินโดนีเซียที่กลับมาพื้นตัวอย่างเข้มแข็ง กำลังซื้อกลับมาจากแรงหนุนของรัฐบาลอินโดนีเซียเพื่อเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐานและสร้างเมืองหลวงใหม่นูชันตารา' รวมทั้งรัฐบาลเวียดนามผลักดันการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment - FDI) ขณะที่การฟื้นตัวของไทยยังชะลอตัว ความต้องการสินค้าลดลงตามฤดูกาล และการจัดสรรงบประมาณของรัฐที่ล่าช้า
  • เอสซีจี ซีเมนต์ แอนด์ กรีนโซลูชัน เร่งผลักดันปูนคาร์บอนต่ำ เจเนอเรชัน 2 สามารถลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 15-20% เมื่อเทียบกับปูนซีเมนต์เดิม โดยขยายสู่ตลาดต่างประเทศ ทั้งสหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย ซึ่งได้สร้างความมั่นใจในคุณภาพการใช้งานจนสามารถส่งออกสหรัฐอเมริกาได้แล้วมากกว่า 1 ล้านต้น ล่าสุด เปิดตัวปูนคาร์บอนต่ำรายแรกในเวียดนาม 'SCG Low Carbon Super Cement ขณะที่ในไทยตลาดโตต่อเนื่อง สัดส่วนการใช้ทดแทนปูนแบบเดิมกว่าร้อยละ 86 พร้อมหนุนงานโครงการก่อสร้างภาครัฐที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ ได้ออกปูนซีเมนต์หลากหลายรุ่น คุณภาพและราคาเหมาะสม เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าครอบคลุมมากขึ้น เช่น แบรนด์ '5 STAR' ในกัมพูชา 'BEZT' ในอินโดนีเซีย 'ADAMAX' ในเวียดนาม และ 'แรด' ในไทย
  • เอสซีจี ดิสทริบิวชั่น แอนด์ รีเทล ลุยเสิร์ฟสินค้าและบริการเรื่องบ้านผ่านร้านค้าปลีกกว่า 87 ร้านในอาเซียน โดยครึ่งปีแรกของปีได้ขยายโมเดิร์นเทรด Mitra10 ผู้เชี่ยวชาญตลาดค้าปลีกในอินโดนีเซีย มีสินค้ากว่า 65,000 รายการ เพิ่มอีก 2 สาขา ที่เกาะสุมาตรา และเกาะชวาตะวันตก ซึ่งมีประชากรจำนวนมากรับลูกค้ามากกว่า 1 ล้านคนต่อเดือน ตั้งเป้า 100 สาขา ในปี 2573 ปัจจุบันเปิดแล้ว 50 สาขาเอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง รุกนำเสนอนวัตกรรมวัสดุตกแต่งภูมิทัศน์ อาทิ กระเบื้องซีเมนต์ปูพื้น เอสซีจี หนุนรับนักท่องเที่ยวสามารถออกแบบลวดลายเอกลักษณ์ด้วยเทคนิคการพ่นสีเฉพาะ เช่น ลายดอกโบตั้น สำหรับทางเท้าย่านเยาวราช พร้อมทั้งเปิดตัวนวัตกรรมระบบบำบัดอากาศเสีย Air Scrubber สำหรับพื้นที่ขนาดเล็ก ภายใต้แบรนด์ ONNEX by SCG Smart Living เจาะกลุ่มลูกค้างานอาคารและสำนักงาน ที่มีพื้นที่ใช้สอยขนาดน้อยกว่า 3,500 ตร.ม. พร้อมขยายบริการครอบคลุมอาเซียนและตะวันออกกลาง
  • SCGD ดันแผนสร้างการเติบโต 2 เท่าภายในปี 73 เริ่มเดินการผลิตโรงงานแผ่นปูพื้น SPC LT by COTTO กำลังผลิต 1.8 ล้านตารางเมตรต่อปี ตั้งเป้าชิงส่วนแบ่งตลาดกว่า 500 ล้านบาท และเดินหน้าก่อสร้างโครงการผลิตสินค้า มูลค่าเพิ่มสูง กลุ่มกระเบื้องพอร์ซเลน สวยงาม แข็งแรง เป็นที่นิยม 3 โครงการใหญ่ในประเทศเวียดนามและไทย คาดเริ่มเดินการผลิตปีนี้ ขณะเดียวกัน SCC ขยายตลาดวัสดุก่อสร้างสู่อินเดีย โดย SCG International ร่วมกับบริษัท บิ๊กบล็อก คอนสตรัคชั่น จำกัด ลงทุนเปิดโรงงานแผ่นผนังมวลเบา (AAC Walls) ภายใต้แบรนด์ 'ZMARTBUILD WALL by NXTBLOC' แห่งแรกในรัฐคุชราตประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นภูมิภาคที่การก่อสร้างมีมูลค่าสูงและเติบโตต่อเนื่อง
  • SCGC แม้ไตรมาสที่ผ่านมาธุรกิจมีปริมาณการขายเพิ่มขึ้น จากการกลับมาเดินเครื่องของโรงงานระยองโอเลฟินส์ (ROC) แต่ในช่วงครึ่งปีหลัง อุตสาหกรรมปิโตรเคมียังอ่อนตัว จากความต้องการสินค้าในตลาดโลกลดลง ขณะที่มีกำลังการผลิตใหม่เพิ่มมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม SCGC เร่งผลักดันนวัตกรรมรักษ์โลก SCGC GREEN POLYMER สู่ตลาดที่มีความต้องการมาก อาทิ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน ล่าสุด ร่วมกับ Dow พัฒนาธุรกิจรีไซเคิลพลาสติกตลอดห่วงโช่คุณค่าเป็นครั้งแรกในเอเชียแปซิฟิก ตั้งเป้าพัฒนาเทคโนโลยีรีไซเคิลเพื่อเปลี่ยนขยะพลาสติกปริมาณกว่า 200,000 ตันต่อปี ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้เป็นผลิตภัณฑ์หมุนเวียนที่มีมูลค่าภายในปี 73 โครงการ LSP กลับมาทดสอบการเดินเครื่องทั้งโรงงานขั้นต้น (Upstream) และขั้นปลาย (Downstream) ในเดือน ส.ค.-ก.ย.67 และจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือน ต.ค.67

  • SCGP มุ่งขยายกำลังการผลิตรับความต้องการบรรจุภัณฑ์จากภาคการท่องเที่ยวและบริการ ประกอบกับ บริหารจัดการวัตถุดิบและต้นทุนพลังงาน รวมทั้งสร้างการเติบโตในธุรกิจที่มีศักยภาพสูง ล่าสุด ขยายธุรกิจบรรจุภัณฑ์ วัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ ด้วยการลงทุนในบริษัท วีอีเอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัด ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพการผลิตสินค้าของ Deltalab, S.L. และ Bicappa Lab S.r.L. บริษัทใน SCGP เพื่อรองรับความต้องการและส่งเสริมให้ SCGP ขยายเครือข่ายลูกค้าในต่างประเทศครอบคลุมยิ่งขึ้น
  • ธุรกิจน้องใหม่ เอสซีจี คลีนเนอร์ยี่ เติบโตได้ดีตามแผน มุ่งเพิ่มสัดส่วนการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ให้ลูกค้าในกลุ่ม อุตสาหกรรมที่มีความต้องการสูง ครึ่งแรกของปี 67 มีกำลังการผลิตรวม 522 เมกะวัตต์ เมื่อเร็ว ๆ นี้ จับมือ ซีเกท ประเทศไทย ลงนามในสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้า Solar Rooffop ขนาด 20.96 เมกะวัตต์ สำหรับแบตเตอรี่กักเก็บพลังงานความร้อนจากพลังงานสะอาด Rondo Heat Battery อยู่ระหว่างการก่อสร้างยูนิตแรกของโลกสำหรับอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ที่โรงงานปูนซีเมนต์เอสซีจี จ.สระบุรี คาดว่าจะเริ่มดำเนินการในปี 68 ซึ่งจะสามารถเป็นต้นแบบสำหรับหลากหลายอุตสาหกรรมต่อไป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ