นายกรณ์ จาติกวณิช ในฐานะประธานกรรมการและกรรมการอิสระ Finnomena เปิดเผยว่า จากประสบการณ์ในโลกการลงทุนเกือบ 40 ปีที่ผ่านมา ได้ผ่านวิกฤตและพบโอกาสมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ตั้งแต่เหตุการณ์หุ้นถล่ม Black Monday ปี 1987 จนเข้าสู่ยุครุ่งเรืองตลาดหุ้นมนุษย์ทองคำ กระทั่งมาเจอวิกฤตต้มยำกุ้ง และ Hamburger Crisis
ทว่าตลาดหุ้นไทยเวลานี้ต่างไปจากวิกฤตในอดีต แต่กำลังเผชิญกับ "วิกฤตต้มกบ" คือภาวะที่เศรษฐกิจโตช้า ซบเซาลงเรื่อย ๆ ผู้คนเริ่มหมดหวัง ซึ่งเกิดจากปัญหาเชิงโครงสร้างของการเข้าสู่สังคมสูงวัย รวมทั้งขาดปัจจัยเร่งในการพัฒนาเทคโนโลยี ทำให้การลงทุนในหุ้นไทยไม่น่าสนใจแล้วเมื่อเทียบกับทั่วโลก เช่น สหรัฐอเมริกาและจีน ซึ่งเป็น 2 มหาอำนาจด้านเทคโนโลยี หรือแม้แต้เวียดนามที่ได้เปรียบด้านโครงสร้างประชากรวัยหนุ่มสาว
นายเจษฎา สุขทิศ CEO & Co-founder Finnomena Group กล่าวเสริมว่า 10 ปีมานี้ กำไรหุ้นไทยไม่ไปไหน SET Index ยังคงอยู่บริเวณ 1,200-1,300 จุดเหมือนในอดีต ตรงข้ามกับตลาดอื่น ๆ ที่โตไปข้างหน้า เช่น อินเดีย, เวียดนาม, ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ จึงเห็นด้วยว่าควรกระจายเงินลงทุนไปทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่สร้างผลตอบแทนได้ดีในครึ่งปีแรก จะมีโอกาสพักฐานระยะสั้น เนื่องจากอยู่ในจังหวะของความไม่แน่นอน โดยต้องจับตาเลือกตั้งปลายปี เพราะพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันมีนโยบายที่ส่งผลต่อภาคธุรกิจแตกต่างกัน จึงแนะนำให้ลดความคาดหวังลง และกระจายความเสี่ยงไปที่หุ้น Asia ex Japan, เกาหลีใต้, เวียดนาม, อินเดีย และจีน รวมถึงกองทุนตราสารหนี้ที่จะได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ย
นายวศิน ปริธัญ Managing Director บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เดฟินิท จำกัด ในเครือ Finnomena Group กล่าวว่า มุมมองการลงทุนครึ่งปีหลัง 2567 Finnomena มาในธีม "Tempering Expectation" ตลาดคืนสมดุล เป็นโอกาสของเอเชียและตราสารหนี้ โดยหุ้นเอเชียมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง นำโดยเศรษฐกิจของอินเดีย จีน และเวียดนาม รวมถึงเกาหลีใต้ที่ได้ประโยชน์จากกระแส AI
ส่วนตราสารหนี้ถือเป็น Final Call ที่นักลงทุนมีโอกาสรับทั้ง Capital Gain และอัตราดอกเบี้ยที่สูงระดับทศวรรษ นอกจากนี้ แนะนำกระจายความเสี่ยงบางส่วนไปยังทองคำที่มีทิศทางราคาเพิ่มขึ้น
นายกสิณ สุธรรมนัส Chief Strategy Officer, Finnomena Group กล่าวว่า ภาวะที่ตลาดผันผวน Finnomena ได้มองหาผลิตภัณฑ์การลงทุนใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์ผู้ลงทุนยิ่งขึ้น หนึ่งในนั้นคือการนำเสนอหุ้นกู้ตลาดแรกและหุ้นกู้ตลาดรอง โดย บลป.เดฟินิท ได้จับมือเป็น partner กับธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย และยังมีบริการพิเศษ Bond Health Check เครื่องมือวิเคราะห์และคัดเลือกหุ้นกู้คุณภาพดี ด้วยโมเดล 5F2M ประกอบด้วย 5 Fundamentals ได้แก่ ความสามารถชำระหนี้ระยะสั้น, หนี้สินต่อทุน, ความสามารถทำกำไร, ความสามารถชำระดอกเบี้ย และกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน ควบคู่กับวิเคราะห์ 2 Momentums ผ่านเครื่องมือระดับโลก Bloomberg default probability และ Altman Z-score ซึ่งจะช่วยตรวจสอบคุณภาพหุ้นกู้ที่ถือครองอยู่ และหลีกเลี่ยงหุ้นกู้ที่มีโอกาสผิดชำระหนี้ ซึ่งเป็นความเสี่ยงสูงสุดของการลงทุนหุ้นกู้
นายชยนนท์ รักกาญจนันท์ CEO Finnomena Funds กล่าวปิดท้ายว่า จังหวะเวลาเป็นหัวใจสำคัญในการลงทุน ซึ่ง Finnomena เราเล็งเห็นความสำคัญของสิ่งนี้มาโดยตลอด จึงพร้อมอยู่เคียงข้างนักลงทุน คอยอัปเดตสถานการณ์ตลาดอย่างใกล้ชิด ด้วยคำแนะนำการลงทุนที่ถูกต้องแม่นยำ เพราะเราเชื่อเสนอว่าโอกาสการลงทุนอยู่รอบตัวเรา