ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดรูดลงเมื่อคืนนี้ (13 พ.ค.) หลังจากราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นกว่า 1 ดอลลาร์ ซึ่งทำให้นักลงทุนกลับมามีมุมมองแบบเดิมว่า ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นอาจส่งผลให้เศรษฐกิจทรุดตัวลงและทำให้ต้นทุนการดำเนินธุรกิจพุ่งสูงขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม ยอดค้าปลีกประจำเดือนเม.ย.ของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเกินคาด ช่วยพยุงตลาดไว้ไม่ให้ปิดลบมากนัก
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 44.13 จุด หรือ 0.34% แตะระดับ 12,832.18 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 0.54 จุด หรือ 0.04% แตะระดับ 1,403.04 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 6.63 จุด หรือ 0.27% แตะระดับ 2,495.12 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.21 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 8 ต่อ 7 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 1.89 พันล้านหุ้น
อเล็กซานเดอร์ พาริส นักวิเคราะห์จากบริษัทแบร์ริงตัน รีเสิร์ช ในเมืองชิคาโกกล่าวว่า "ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กที่พุ่งขึ้น 1.57 ดอลลาร์ แตะระดับ 125.80 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ ทำให้นักลงทุนกลับมามีมุมมองแบบเดิมว่าราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นอาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยเร็วขึ้น และอาจทำให้เศรษฐกิจเผชิญภาวะ Stagflation (ภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัวลงแต่มีแรงกดดันด้านเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น) ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงมาจากข่าวที่ว่า อิหร่านกำลังพิจารณาลดปริมาณการผลิตน้ำมัน
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์ที่ระบุว่า ยอดค้าปลีกประจำเดือนเม.ย.ซึ่งไม่นับรวมยอดขายรถยนต์ของสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกินคาด แต่ยอดค้าปลีกเมื่อรวมยอดขายรถยนต์ ปรับตัวลดลง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าชาวอเมริกันพยายามไม่ซื้อสินค้ารายการใหญ่ๆ โดยเฉพาะในยามที่ราคาเชื้อเพลิงพุ่งสูงขึ้นเช่นนี้
นักลงทุนให้น้ำหนักกับแถลงการณ์ของนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ระบุว่า ภาวะผันผวนในตลาดการเงินเริ่มผ่อนคลายลงแล้ว และปัญหาที่เกิดขึ้นในตลาดปล่อยกู้จำนองก็ลดน้อยลง อย่างไรก็ตาม เบอร์นันเก้ยอมรับว่า ตลาดการเงินและตลาดปล่อยกู้จำนองของสหรัฐจะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งจึงจะกลับสู่ภาวะปกติได้
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทะยานขึ้นหลังจากสถานีโทรทัศน์ CNBC รายงานว่า คาร์ล ไอคาห์น นักลงทุนผู้มั่งคั่ง กำลังผลักดันให้บริษัทยาฮู อิงค์ พิจารณาควบรวมกิจการกับบริษัทไมโครซอฟท์ คอร์ป ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นยาฮูปิดพุ่ง 5.2%
หุ้นอิเล็กทรอนิก ดาตา ซิสเต็มส์ (อีดีเอส) ปิดบวก 26 เซนต์ แตะระดับ 23.34 ดอลลาร์ แต่หุ้นฮิวเล็ต แพคการ์ด ปิดร่วง 5.5% จากข่าวที่ว่าบริษัทฮิวเล็ต-แพคการ์ด เสนอเทคโอเวอร์กิจการอีดีเอส วงเงิน 1.26 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งหากดีลดังกล่าวประสบความสำเร็จ จะทำเกิดบริษัทผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีรายใหญ่อันดับ 2 รองจาก IBM
หุ้นวอล-มาร์ท ร่วงลง 2.4% หลังจากบริษัทวอล-มาร์ท ซึ่งเป็นผู้ค้าปลีกรายใหญ่สุดของโลก รายงานผลกำไรไตรมาสแรกที่สูงเกินคาด แต่ตัวเลขคาดการณ์ผลประกอบการในไตรมาส 2 ของวอล-มาร์ท อยู่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ในตลาดวอลล์สตรีทคาดการณ์
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--