ฝ่ายวิจัย บล.เอเชีย พลัส ระบุว่า กองทุน THAIESG ใหม่ น่าจะจูงใจให้คนเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น ทั้งในมุม VALUATION ที่น่าสนใจ การเติบโตที่ยั่งยืน อีกทั้งข้อบังคับระยะเวลาการถือครองยังสั้นสุดเมื่อเทียบกับกองทุนประหยัดภาษีอื่นๆ ทั้ง LTF และ SSF โดยกลยุทธ์การลงทุน เน้นหุ้นในกลุ่มที่มี ESG RATING "AA-AAA" ที่ราคาหุ้นตั้งแต่ต้นปีปรับฐานลงมาลึก
กองทุน THAIESG ใหม่เตรียมเข้า ครม. มีหุ้นอะไรน่าสะสมบ้าง ก่อนหน้านี้ในช่วงต้นเดือนมีกระแสข่าวว่าเตรียมนำกองทุน TESG เข้าครม. ในช่วงกลางสัปดาห์ จึงทำให้เห็นเม็ดเงินซื้อสุทธิหุ้นไทยของสถาบันกว่า 4.6 พันล้านบาท (ช่วง 1-10 ก.ค.67) แต่หลังจากนั้นกระแสข่าวที่หายไปจึงทำให้สถาบันขายสุทธิหุ้นไทยจนยอดสุทธิอยู่ที่ -556 ล้านบาท (MTD)
อย่างไรก็ตาม วันนี้คลังชงกองทุน TESG เข้าครม. จึงเป็นไปได้ว่าเม็ดเงินจากฝั่งสถาบันจะกลับมาซื้อสุทธิ SET และหนุนดัชนีปรับตัวขึ้นช่วงสั้นได้ ซึ่งเม็ดเงินที่คาดหวังจากกองทุน THAIESG ใหม่ ที่ไหลกลับเข้ามาหนุนตลาดหุ้น ฝ่ายวิจัยฯ คาดว่าจะมีเม็ดเงินหนุนราว 4-5 หมื่นล้านบาท ตามการเปรียบเทียบด้านเม็ดเงินที่สามารถนำมาลดหย่อยภาษีได้กับกองทุน LTF เดิม โดยเม็ดเงินที่หนุน SET ทุกๆ 1 หมื่นล้านบาทมักหนุนให้ SET ขยับขึ้นได้ 1-2%
ส่วนกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิจัยฯแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ดังนี้
1.คัดกรองหุ้นใน SETESG ที่มี ESG RATINGS อยู่ในระดับสูงสุด "AAA" และยังมี CG REPORT อยู่ในระดับ "ดีเลิศ" หรือ 5 คะแนน น่าจะเป็นหุ้นเป้าหมายอันดับต้นที่เม็ดเงินของนักลงทุนสถาบันฯ และเม็ดเงินจาก ThaiESG FUND ใหม่จะไหลเข้า ได้ผลลัพธ์29 บริษัท ซึ่งหุ้นในกลุ่มดังกล่าวที่น่าสนใจ อาทิ ADVANC CPALL KBANK SCC CRC PTTGC TISCO BGRIM CKP STA AMATA THCOM เป็นต้น
2.คัดกรองหุ้นใน SETESG ที่มี ESG RATINGS อยู่ในระดับสูงลองลงมา "AA" ที่ราคาหุ้นตั้งแต่ต้นปี(YTD) ปรับฐานลงมาลึกบวกกับปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง มีแนวโน้มเติบโตในอนาคต อาทิ IVL AP BCH HMPRO GPSC PLANB CPN BJC เป็นต้น
ขณะที่ บล.กรุงศรี (KSS) มองบวก โดยคาดเม็ดเงินใหม่เข้าสู่ตลาดเดือนละ 5-6 พันล้านบาท โดยจากการศึกษาช่วงที่มีกองทุนคล้ายกัน LTF และเศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงฟื้นตัวดังเช่นปัจจุบัน ในปี 55-56 ทุกๆ หมื่นล้านบาทจะหนุน SET ราว 20-25 จุด
ส่วนชุดหุ้นที่คาดได้อานิสงส์ทางบวกเบื้องต้น คือกลุ่มหุ้นปัจจุบันที่อยู่ในดัชนี SETESG และมีน้ำหนักสูง ผสาน กลุ่มที่มีพื้นฐานแกร่งในปัจจุบัน คาดจะเห็นการเพิ่มน้ำหนักมากขึ้น อาทิ ADVANC (น้ำหนักใน SETESG 5.2%) CPALL (5.1%) AOT (5.0%) GULF(5.0%) SCC (2.8%) CPN (2.6%) INTUCH (2.45%) CPF(2.1%) CRC (1.96%) MINT (1.7%) SCGP (1.15%) BEM(1.09%)