นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) เปิดเผยว่า TISCO ESU ยังคงมองว่าตลาดหุ้นกลุ่มประเทศเกิดใหม่ (Emerging Market) เป็นตลาดหุ้นที่เหมาะสมกับการเข้าลงทุนในช่วงนี้ โดยคาดว่าในช่วงที่เหลือของปีจะเห็นเม็ดเงินจากทั่วโลกไหลเข้าตลาดหุ้น EM เพราะค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ กลับมาอ่อนค่าจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกเริ่มเป็นขาลงอย่างชัดเจนนำโดยธนาคารกลางยุโรปเริ่มลดดอกเบี้ยไปแล้วในเดือนมิถุนายน ในขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) คาดว่าจะเริ่มลดดอกเบี้ยครั้งแรกในการประชุมเดือนกันยายน และจะลดดอกเบี้ยรวม 2 ครั้งในปีนี้
"TISCO ESU มองว่าจากอัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงจนถึงระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2564 ประกอบกับการจ้างงานชะลอตัวต่อเนื่อง ทำให้ Fed ต้องเริ่มพิจารณาลดดอกเบี้ยก่อนที่เศรษฐกิจจะชะลอลงจนเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอย" นายคมศรกล่าว
นอกจากนั้น ตลาดเกิดใหม่ยังมีปัจจัยบวกเพิ่มเติมได้แก่
1. เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้นโดยนักเศรษฐศาสตร์เริ่มกลับมาปรับคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก นอกจากนั้นภาคการผลิตและส่งออกยังอาจได้รับแรงหนุนจากการเร่งนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ก่อนจะเกิดความไม่แน่นอนจากผลของกำแพงภาษีหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายน
2. การกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน โดยก่อนหน้านี้จีนได้ทยอยประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะมาตรการช่วยเหลือภาคอสังหาริมทรัพย์ เช่น มาตรการลดเงินดาวน์ ยกเลิกอัตราดอกเบี้ยขึ้นต่ำ และการให้วงเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำจำนวน 3 แสนล้านหยวนให้กับรัฐบาลท้องถิ่น เพื่อนำไปซื้อบ้านส่วนเกินในตลาด เพื่อพยุงราคาอสังหาริมทรัพย์ มาตรการดังกล่าวน่าจะช่วยเพิ่มความมั่นในภาคอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นต้นเหตุความอ่อนแอของเศรษฐกิจจีน
และ 3. ระดับมูลค่าหุ้น (Valuation) ที่ค่อนข้างถูก โดยดัชนีหุ้นในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ ซื้อขายในระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตค่อนข้างมาก ซึ่งต่างจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งซื้อขายใกล้เคียงระดับแพงสุดเป็นประวัติการณ์ ดังนั้นตลาดเกิดใหม่จึงน่าจะดึงดูดเม็ดเงินลงทุนกลับมาได้ในช่วงเปลี่ยนผ่านดอกเบี้ยเป็นขาลงเช่นในปัจจุบัน