ทริสเรทติ้ง จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 2.5 หมื่นล้านบาทและมีอายุไม่เกิน 10 ปีของ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ "A" โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ขยายธุรกิจและ/หรือใช้ชำระหนี้ พร้อมกันนี้ ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทที่ระดับ "A+" และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ "A" ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่"
อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงสถานะของบริษัทที่เป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย ตลอดจนการลงทุนที่มีการกระจายตัวที่ดี ผลงานในการพัฒนาและดำเนินงานโรงไฟฟ้าที่ได้รับการยอมรับ รวมถึงกระแสเงินสดที่คาดการณ์ได้ในระดับสูงจากการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ. อันดับเครดิต "AAA/Stable")
อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวก็ลดทอนลงจากความเสี่ยงอันเนื่องมาจากการลงทุนในต่างประเทศของบริษัทและภาระหนี้สินที่อาจจะเพิ่มสูงขึ้นในช่วงขยายการลงทุน อันดับเครดิตยังพิจารณาถึงการประกาศแผนควบรวมกิจการกับบมจ. อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (INTUCH) โดยทริสเรทติ้งเห็นว่าการควบรวมกิจการดังกล่าวซึ่งน่าจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 นั้นไม่น่าจะส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิต
ผลกำไรของบริษัทในช่วงไตรมาสแรกของปี 2567 ยังคงสอดคล้องกับประมาณการของ ทริสเรทติ้ง ทั้งนี้ กระแสเงินสดที่มั่นคงจากโครงการโรงไฟฟ้าต่าง ๆ ช่วยรักษา EBITDA ของบริษัทให้อยู่ในระดับน่าพอใจที่จำนวน 8.5 พันล้านบาทในช่วงดังกล่าว ในขณะที่อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA อยู่ที่ระดับ 7.1 เท่า (ปรับเป็นอัตราส่วนเต็มปีด้วยตัวเลข 12 เดือนย้อนหลัง)
อันดับเครดิตหุ้นกู้ของบริษัทซึ่งต่ำกว่าอันดับเครดิตองค์กรอยู่ 1 ขั้นนั้นสะท้อนถึงความเสี่ยงจากลักษณะการด้อยสิทธิอย่างมีสาระสำคัญ ทั้งนี้ ณ เดือนมีนาคม 2567 หนี้เงินกู้รวมของบริษัทซึ่งไม่รวมหนี้สินตามสัญญาเช่ามีจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 2.87 แสนล้านบาท โดยเป็นหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อน (Priority Debt) จำนวน 1.46 แสนล้านบาทซึ่งประกอบด้วยหนี้เงินกู้ที่มีหลักประกันของบริษัทและหนี้เงินกู้ทั้งหมดของบริษัทย่อย ทำให้อัตราส่วนหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนต่อหนี้สินรวมของบริษัทอยู่ที่ระดับ 51% ซึ่งส่งผลทำให้เจ้าหนี้ที่ไม่มีหลักประกันของบริษัทมีความด้อยสิทธิกว่าเจ้าหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนอย่างมีนัยสำคัญเมื่อพิจารณาจากลำดับสิทธิเรียกร้องในสินทรัพย์ของบริษัท
แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าโรงไฟฟ้าของบริษัทที่เปิดดำเนินงานแล้วจะผลิตไฟฟ้าได้อย่างราบรื่นและสร้างกระแสเงินสดได้ตามแผน ในขณะที่โรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างนั้นคาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินงานได้ตามกำหนดการ อีกทั้งกลยุทธ์การเติบโตของบริษัทจะไม่ทำให้สถานะทางการเงินของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญ