นายสุรพงษ์ สาเรชพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. บีพีเอส เทคโนโลยี (BPS) เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลังนี้ว่า บริษัทจะมุ่งเน้นในกลุ่มธุรกิจ Green Home Solutions มากขึ้น เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้ให้เติบโตมากกว่า 10% และผลักดันอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ทะลุ 3% โดยจะเน้นการขยายฐานกลุ่มลูกค้า B2C และการหาพันธมิตรเพื่อต่อยอดธุรกิจ เพิ่มโอกาสสร้างเครือขายให้ธุรกิจอย่างครบวงจร และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม
BPS จะขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดกลางและเล็กที่สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกบ้านได้โดยตรง เพื่อนำเสนอนวัตกรรม ตลอดจนสินค้าและบริการให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าในทุกด้าน เช่น ออกแบบและติดตั้งอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับสายไฟ อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง รวมถึงการติดตั้งระบบโรงรถ (Garage Roof) การติดตั้งระบบระบายอากาศ (Airflow) และการติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charger) ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด Smart Home เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านต่อไปในอนาคต
นอกจากนี้ BPS ยังจับมือกับพันธมิตรในกลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้าง หรือผู้ประกอบการที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อขยายเครือข่ายธุรกิจและการให้บริการให้มีความหลากหลายและครบวงจร เช่น บมจ.ฟังก์ชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล (FTI) ผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับระบบกรองน้ำที่มีนวัตกรรมและคุณภาพระดับสากล และล่าสุด BPS ได้สัญญาความร่วมมือกับ บริษัท มาสโลหะกิจ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเชี่ยวชาญธุรกิจออกแบบและติดตั้งหลังคา เพื่อนำเสนอบริการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ไปพร้อมกับหลังคาบ้าน
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ความร่วมมือเหล่านี้จะเสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจและร่วมกันส่งเสริมการตลาด เพื่อเพิ่มผลิตภัณฑ์และบริการให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น และเชื่อว่าจะเป็นบริการที่ตอบโจทย์และได้รับการตอบรับอย่างดีในอนาคต
"การหาพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และการขยายกลุ่มลูกค้า B2C จะมีส่วนสำคัญที่สร้างรายได้ต่อเนื่องและยั่งยืนในอนาคต เนื่องจากเทรนด์ของบ้านยุคใหม่ Smart Home ยังมีโอกาสเติบโตจากความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย ที่คำนึงถึงความสะดวกสบายและง่ายต่อการใช้งานด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และตอบโจทย์ของผู้พักอาศัยในทุกๆด้าน" นายสุรพงษ์ กล่าว
สำหรับลูกค้าในกลุ่ม B2B คาดว่าปีนี้จะรับรู้รายได้จากการขยายธุรกิจติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าโซลาร์บนหลังคาบ้านแนวราบ และ โรงงาน รวมถึงองค์กรภาคเอกชน โดยตั้งเป้าติดตั้งและผลิตไฟฟ้าประมาณ 10 เมกะวัตต์ และการติดตั้งระบบโครงข่ายไฟเบอร์ออพติกเพื่อการสื่อสาร (FFTx) ให้กับโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ไม่ต่ำกว่า 10,000 ยูนิต ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีหลัง
ปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือ (Backlog) ราว 126 ล้านบาท คาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ในครึ่งปีหลังนี้บางส่วน
ด้านงบลงทุนในครึ่งปีหลังนี้คาดจะใช้ในโครงการที่ได้เซ็น MOU กับ บมจ.อรสิริน โฮลดิ้ง (ORN) ในการพัฒนา จัดหา และติดตั้ง ระบบเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตความเร็วสูง (FTTx) รวมทั้งอุปกรณ์ Smart Home หรือผลิตภัณฑ์บ้านเบอร์ 5 ให้แก่โครงการต่าง ๆ ของ ORN รวม 400 ยูนิต คิดเป็นมูลค่าลงทุนราว 1 ล้านบาท และการขยายงานไปยังโครงการอื่นๆ เพิ่มอีก 2-3 โครงการ คาดใช้งบราว 5 ล้านบาท ซึ่งในครึ่งปีแรกบริษัทใช้เงินจากการระดมทุนด้วย IPO ไปแล้ว 25 ล้านบาทจากทั้งหมด 103.46 ล้านบาท