CPF ร่วง 5.42% มาที่ 22.70 บาท ลดลง 1.30 บาท มูลค่าซื้อขาย 987.96 ล้านบาท เมื่อเวลา 14.43 น. จากราคาเปิด 24.00 บาท ราคาต่ำสุด 22.70 บาท ราคาสูงสุด 24.00 บาท
แหล่งข่าวจากวงการโบรกเกอร์ เปิดเผยว่า ราคาหุ้น บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) ที่ปรับตัวลงคาดรับ Sentiment เชิงลบ จากพัฒนาการของข่าว "ปลาหมอคางดำ" ซึ่งขณะนี้ได้มีการนำปัญหาเข้าไปหารือในคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว แต่มั่นใจเรื่องดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของ CPF อย่างแน่นอน โดยคาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/67 จะเติบโต 353% YoY พลิกจากขาดทุน 792 ล้านบาทในไตรมาส 2/66 จากการราคาสุกรในประเทศไทย จีน และเวียดนามที่ปรับตัวดีขึ้น
ขณะที่บ่ายวันนี้ นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร CPF พร้อมคณะ เข้าชี้แจงกรณีปลาหมอคางดำกับคณะกรรมาธิการการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (กมธ.อว.) ของสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ สส.พรรคไทยสร้างไทย เป็นประธาน และมี นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง สส.พรรคก้าวไกล เป็นรองประธาน หลังจากมีการตั้งข้อสงสัยถึงการขออนุญาตนำเข้าปลาหมอคางดำมาวิจัยพัฒนาในอดีตแต่ได้ยุติโครงการไป อาจเป็นต้นเหตุของการแพร่ระบาด ขณะที่บริษัทยืนยันว่าได้ทำลายปลาทั้งหมดไปแล้ว
นพ.วาโย ในฐานะ ประธานคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาสาเหตุ และแนวทางการแก้ไขปัญหารวมถึงผลกระทบจากการนำเข้าปลาหมอคางดำ กล่าวว่า ข้อสรุปที่ได้มีการหารือกันในที่ประชุมเช้าวันนี้เกี่ยวกับการฟ้องร้องในคดีต่าง ๆ นั้น ยอมรับว่าอาจฟ้องคดีอาญาได้ยาก แต่มีความเป็นไปได้ท่จะฟ้องคดีแพ่งและคดีการปกครองกับผู้ที่เป็นต้นเหตุการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมของประเทศ
ขณะที่นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธานคณะอนุกรรมาธิการ พิจารณาศึกษาสาเหตุและแนวทางการแก้ไขปัญหา รวมถึงผลกระทบจากการนำเข้าปลาหมอคางดำ เปิดเผยว่า วันนี้ อนุ กมธ.ได้เชิญสำนักงานอัยการสูงสุด กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะกรรมการกฤษฎีกา รวมถึงนายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี มาพูดคุยเรื่องข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับด้านสิ่งแวดล้อม ที่เราจะสามารถดำเนินการได้ อย่างไรก็ตาม นายวิษณุไม่ได้มาร่วมประชุม
นายณัฐชา กล่าวว่า ที่ต้องเชิญมาเพราะประชาชนเตรียมที่จะฟ้องหน่วยงานภาครัฐ หากหน่วยงานยังนิ่งนอนใจ ไม่ดำเนินการใดๆ ก็ต้องแบกความรับผิดชอบ และภาษีของประชาชน กมธ.จึงต้องเดินหน้า เพื่อหาต้นตอสาเหตุของเรื่องนี้ให้ได้ โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปเรื่องกฎหมายทั้งหมด และจะส่งหนังสือไปยังหน่วยงานและหัวหน้าส่วนราชการ ทั้งกรมประมง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ เพราะปลาหมอคางดำส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และระบบนิเวศอย่างมหาศาล ไม่สามารถปฏิเสธได้ ส่วนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ต้องยืนหยัดเคียงข้างเกษตรกร ส่วนกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย ต้องบรรเทาทุกข์ให้ประชาชนทั้ง 17 จังหวัด รวมถึงนายกรัฐมนตรี ต้องนั่งหัวโต๊ะเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ อย่าให้ครหาหาว่าแอ็คชั่นทุกเรื่อง แต่จุดจบเหมือนกัน เพราะหมูเถื่อนก็เงียบหาย
"ผมจะไม่ยอมให้ปลาเถื่อน จบแบบหมูเถื่อน...มีตัวอย่างชัดเจนแค่ตำบลเดียว คาดว่าเสียหายปีละ 100 ล้านบาท แต่ยังไม่ได้ประเมินมูลค่าทั้งหมด แต่คร่าวๆ อาจถึง 10,000 ล้านบาท"นายณัฐชา กล่าว