นายอนุฤทธิ์ เกิดสินธ์ชัย กรรมการผู้จัดการ บมจ.วงษ์สยามก่อสร้าง (VSK) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเปิดจองซื้อหุ้นกู้ ครั้งที่ 1/2567 รวม 4 ชุด โดยเป็นหุ้นกู้ชนิดหุ้นกู้ระยะยาว ระบุชื่อผู้ถือ ไม่ด้อยสิทธิ มีประกัน และผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ มูลค่ารวมไม่เกิน 2,200 ล้านบาท เสนอขายไม่เกิน 2.2 ล้านหน่วย แบ่งเป็น
ชุดที่ 1 อายุหุ้นกู้ 3 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2570 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.25%
ชุดที่ 2 อายุหุ้นกู้ 5 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2572 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.65%
ชุดที่ 3 อายุหุ้นกู้ 7 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2574 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.90%
ชุดที่ 4 อายุหุ้นกู้ 10 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2577 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.15%
กำหนดชำระดอกเบี้ยทุก 6 เดือน ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ และ 8 สิงหาคม ตลอดอายุหุ้นกู้
VSK จะเปิดจองซื้อหุ้นกู้ทั้ง 4 ชุดในวันที่ 5-7 สิงหาคม 2567 แก่นักลงทุนสถาบัน (Institutional Investor) และนักลงทุนรายใหญ่ (High Net Worth Investor) กำหนดจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท โดยผู้ออกหุ้นกู้ได้รับการจัดอันดับเครดิตเรตติ้งที่ "AAA(tha)" จากบริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2567 ซึ่งเป็นอันดับเครดิตสูงสุดสำหรับตราสารหนี้ที่ออกในประเทศไทย
สะท้อนถึงศักยภาพของผู้ค้ำประกันซึ่งก็คือ Credit Guarantee and Investment Facility (CGIF) ซึ่งเป็นกองทุน (Trust Fund) ของธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (Asian Development Bank หรือ ADB) ที่มีสถานะทางการเงินและผู้ร่วมทุนที่แข็งแกร่งมาก รวมถึงสะท้อนถึงศักยภาพของ VSK ในการเป็นผู้ดำเนินธุรกิจด้านการบริหารจัดการระบบโครงข่ายท่อส่งน้ำ และธุรกิจก่อสร้างสาธารณูปโภคด้านน้ำแบบครบวงจรรายเดียวในประเทศไทย ซึ่งนับเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ และให้ผลตอบแทนมั่นคง
โดยจะเสนอขายหุ้นกู้ผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ทั้ง 11 สถาบันการเงิน บล.เอเซีย พลัส บล.บียอนด์ บล.บลูเบลล์ บล.ดาโอ (ประเทศไทย) บล.ฟินันเซีย ไซรัส บล.โกลเบล็ก บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) บล.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย)
วัตถุประสงค์การเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้ VSK จะนำไปใช้เป็นเงินทุนในการลงทุนและก่อสร้างระบบท่อน้ำดิบในภาคตะวันออก โดยโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ถือเป็นศูนย์กลางของการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ ด้วยการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านเทคโนโลยี และการยกระดับธุรกิจเพื่อสร้างแรงจูงใจให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุน ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยในระยะยาว ขณะเดียวกันการพัฒนา EEC ส่งผลให้ในบริเวณดังกล่าว มีความต้องการใช้น้ำเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งจะส่งผลบวกต่อธุรกิจ VSK เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้รับสัมปทานโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออกระยะเวลา 30 ปี แต่เพียงผู้เดียว ซึ่งคาดว่าจะช่วยหนุนผลการดำเนินงานให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต
"เราเชื่อมั่นว่าการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ ได้รับการตอบรับที่ดี เพราะนอกจากจะได้รับผลตอบแทนคงที่ตลอดระยะเวลาการลงทุนแล้ว การที่มี CGIF เข้ามาค้ำประกันหุ้นกู้ของ VSK สามารถการันตีว่าบริษัทฯ ประกอบธุรกิจที่ได้มาตรฐานการปกป้องสิ่งแวดล้อมและสังคมตามที่ CGIF กำหนด นอกจากนี้ เกณฑ์ที่ CGIF ใช้ในการประเมินจะรวมไปถึงสถานะทางการเงิน ผลการดำเนินงานย้อนหลัง คุณภาพในการบริหารจัดการ ความได้เปรียบทางการแข่งขัน เพื่อให้มั่นใจว่าเครดิตของบริษัทอยู่ในเกณฑ์ที่ดี" นายอนุฤทธิ์ กล่าว